กาญจนบุรี - เปิดคำวินิจฉัยศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ คดีมหากาพย์ หวย 30 ล้านอลเวง ระหว่างครูปรีชา-หมวดจรูญ ชี้ชัดพยานบุคคลและพยานหลักฐานพิรุธเพียบ
จากกรณี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อดีตข้าชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อยู่บ้านเลขที่ 299/110 หมู่บ้านศิริชัยวังสารภี ซอย 5 หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรีนำสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 หมายเลข 533726 จำนวน 5 ใบ มูลค่า 30 ล้านบาท ไปขึ้นเงินที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากหักภาษีแล้วเหลือเงินเข้าบัญชี จำนวน 29,850,000 ล้านบาท
หลังจากนั้น หมวดจรูญ ถูกนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีว่า ตนเป็นเจ้าของสลากฉบับดังกล่าวที่สั่งซื้อมาจากนางรัตนาพร หรือเจ๊บ้าบิ่น แล้วทำหล่นหายที่ตลาดเรดซิตี้เมื่อวันที่ 31 ต.ค.60
การต่อสู้คดีในชั้นศาลใช้เวลานานหลายปี จนกระทั่ง ล่าสุดเวลา 09.00 น.วันนี้ 7 มิ.ย.65 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ อ 1863/2561 คดีหมายเลขแดง ที่ อ 1416/2562 เรื่องยักยอกทรัพย์ รับของโจร ระหว่านายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา อายุ 55 ปี(โจทก์) ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อายุ 67 ปี (จำเลย) โดยทั้งโจทก์และจำเลยต่างเดินทางมาฟังคำพิพากษาอย่างพร้อมเพรียง สำหรับประเด็นที่ศาลวินิจฉัยมีรายละเอียดดังนี้
“ศาลเห็นว่าแม้โจทก์มีพยานบุคคลหลายปากมาเบิกความยืนยันและสนับสนุนถึงเหตุการณ์ที่โจทก์ไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งที่ตลาดเรดซิตี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 สอดคล้องต้องกันก็ตาม แต่คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวขัดต่อสภาพความเป็นจริงของเหตุการณ์ที่ควรจะเป็นอย่างเห็นได้ชัดและเป็นพิรุธดังได้วินิจฉัยมา
ประกอบกับได้ความว่าโจทก์เดินทางไปตลาดเรดชิตี้และกระทำกิจกรรมลักษณะเดียวกันในตลาดบ่อยครั้งและพยานโจทก์ส่วนมากมาเบิกความต่อศาลหลังเกิดเหตุแล้วเป็นเวลานานอาจเป็นเหตุให้พยานโจทก์สับสนเกี่ยวกับวันที่พบเห็นพูดคุยกับโจทก์และจดจำเหตุการณ์คลาดเคลื่อนไปก็เป็นได้
นอกจากนี้ยังได้ความจากร้อยตำรวจเอกจิรยุทธ์ ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พลตำรวจตรีสุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เรียกสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องนี้ไปตรวจหลายครั้งและบอกร้อยตำรวจเอกจิรยุทธ์ว่า เกลาให้มันกลม เพื่อให้คำให้การของพยานบุคคลสอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด
หลังจากนั้นโจทก์ นางสาวรัตนาพรและนางสาวพัชริดาก็มาขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การอีกหลายครั้งเพื่อให้ข้อเท็จจริงสอดคล้องกัน นับเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้พยานบุคคลของโจทก์มาเบิกความในชั้นพิจารณาได้สอดคล้องต้องกัน พยานบุคคลของโจทก์จึงไม่อาจรับฟังเป็นความจริงได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์กับนางสาวรัตนาพรซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางแอปพลิเคชันไลน์
เมื่อนางสาวรัตนาพร ได้กำหนด นัดหมาย และทำการคัดเลือกสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งลงท้ายด้วยเลข 26 แยกมาจากสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับอื่นแล้ว เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460 สัญญาซื้อขายเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ตามมาตรา 453 กรรมสิทธิ์ในสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งตกเป็นของโจทก์ตามมาตรา 458 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น
เห็นว่า สัญญาเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาทำคำเสนอและอีกฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาสนองรับคำเสนอถูกต้องตรงกัน คำเสนอจึงต้องมีข้อความชัดเจนเพียงพอที่จะถือเป็นข้อผูกพันในสัญญาได้ สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาลมีหมายเลขหกหลักเป็นเกณฑ์ขี้ขาดในการถูกรางวัลสำคัญ และกรณีที่ขายสลากเป็นชุดประกอบด้วยหมายเลขหกหลักตรงกันหลายฉบับ มักจะขายเกินกว่าราคาที่ระบุไว้หน้าสลาก
ดังนั้น คำเสนอในการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นชุดอย่างน้อยจะต้องปรากฎหมายเลขหกหลักและราคาที่จะซื้อขายอยู่ด้วย การที่โจทก์สั่งซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเลขท้าย 2 ตัว หมายเลข 26 จากนางสาวรัตนาพร เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2560 ตามสำเนาแอปพลิเคชั่นไลน์ ไม่มีรายละเอียดชัดเจนพอที่จะถือว่าเป็นคำเสนอได้ คงเป็นเพียงการแจ้งความประสงค์ของโจทก์ให้นางสาวรัตนาพรทราบว่า ต้องการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเลขท้าย 2 ตัว หมายเลข 26 เพื่อให้นางสาวรัตนาพรจัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีหมายเลขดังกล่าวมาเสนอขายโจทก์เท่านั้น
การที่นางสาวรัตนาพรได้คัดเลือกสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่เลขท้าย 2 ตัว หมายเลข 26 แยกมาจากสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับอื่นเพื่อเตรียมไว้ขายให้โจทก์ จึงไม่ทำให้เกิดสัญญาซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวระหว่างโจทก์กับนางสาวรัตนาพร อันจะทำให้กรรมสิทธิ์ในสลากกินแบ่งรัฐบาลตกเป็นของโจทก์ดังที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใด
พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีข้อพิรุธน่าสงสัย ทั้งยังขัดแย้งกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่และไฟล์เสียงการสนทนาที่คัดลอกมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโจทก์กับบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หลายประการดังที่ได้วินิจฉัยมา ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่า โจทก์ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งจากนางสาวรัตนาพร
ดังนั้น สลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่จำเลยนำไปรับเงินรางวัลย่อมไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและพิพากษายกฟ้องต้องกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษา ยืน