ลำพูน - คืบหน้า..คดีสยองฆ่าเผานั่งยางหนุ่มลำพูน หลัง จนท.เชิญตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งอดีตดาบตำรวจเจ้าของที่ดินที่เกิดเหตุ-เพื่อนผู้ตายสอบข้ามคืนจนถึงตีสอง พร้อมอายัด จยย.พ่วงข้าง-รถกระบะ อดีตนายดาบฯ ตรวจ DNA ด้านพ่อแม่เหยื่อลั่น ไม่ขออโหสิกรรมคนร้าย
ความคืบหน้าคนร้ายฆ่าเผานั่งยาง นายวุฒิไก รหิรัญรัตน์ หรือนายเอก ชาวบ้านสันมะนะ หมู่ 8 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน กลางสวนลำไยบ้านจักคำภิมุข ใกล้โรงฆ่าสัตว์ ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน แล้วนำรถจักรยานยนต์ผู้ตายไปทิ้งลงหนองน้ำห่างจากจุดพบศพ 500 เมตร เพื่ออำพรางคดี เมื่อบ่ายวานนี้ (28 พ.ค. 65)
ซึ่งคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวอดีตดาบตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของที่บริเวณกระท่อมจุดที่พบคราบเลือด และชายวัย 57 ปี รวมถึงเพื่อนสนิทของผู้ตายอีกสองคนมาสอบสวน โดยทั้งหมดให้การว่าไม่ทราบว่าใครฆ่าผู้ตายและมาให้การกับ จนท.ในฐานะเพื่อนและเจ้าของที่จุดที่พบคราบเลือดเท่านั้น
ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะนำอดีดดาบตำรวจคนดังกล่าวไปชี้รถกระบะของเจ้าตัวที่ใช้ขับมาที่โรงพัก โดยระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามว่า..เกิดอะไรขึ้น และเกี่ยวข้องกับการตายของนายวุฒิไกรหรือไม่ ซึ่งอดีตดาบตำรวจ บอกว่าบริเวณจุดที่เกิดเหตุเป็นที่ดินของตนเองจึงมาให้การในฐานะเจ้าของสวนเท่านั้น และเมื่อวานตอนเช้าตัวเองเข้าไปที่บ่อเลี้ยงปลาเพื่อเอาอาหารให้ปลาตามปกติแต่ก็ไม่ได้เจอผู้ตาย และไม่ได้ติดต่อกับผู้ตายมานานแล้ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวอดีตดาบตำรวจนายดังกล่าวขึ้นรถไปตรวจค้นบ้านตามหมายค้นของศาลจังหวัดลำพูนในพื้นที่ ม.8 ตำบลต้นธง อ.เมืองลำพูน โดยขอความร่วมมือไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตามไปด้วยและได้ทำการขออายัดรถจักรยานยนต์พ่วงข้างและรถกระบะมาตรวจสอบ พร้อมให้กลับบ้านในช่วง 02.00 น.เศษที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (29 พ.ค. 65) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน ได้เรียกสอบพยานปากสำคัญ หลังทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปพบชายวัยรุ่นคนหนึ่งเพื่อจะไปเอาของอะไรบางอย่างบริเวณเล้าเป็ดด้วยกันเพียงสองคน ส่วนจะใช่คนร้ายหรือไม่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน
พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จ.ลำพูน เปิดเผยว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าของที่ดินบริเวณจุดที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุดและเพื่อนๆของผู้ตาย ซึ่งขณะนี้ จนท.สามารถรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุได้มากพอสมควร ซึ่งคดีนี้คงต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก และเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้แน่นอน แต่ต้องขอเวลาให้ จนท.ทำงานก่อนเพราะต้องรอผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ที่บางอย่างต้องใช้เวลา
ด้านนายเกตุ หิรัญรัตน์ และนางอำพร พรหมพงค์ พ่อและแม่ของผู้ตาย เปิดเผยหลังได้ไปทำบุญให้ลูกชายแล้วก่อนที่จะมานั่งพับเสื้อผ้าให้ลูกด้วยความเศร้าโศก ว่าเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุลูกชายนั่งดื่มสุราหน้าบ้านคนเดียวและกำลังจะเข้านอนช่วงประมาณ 3 ทุ่มก็มีโทรศัพท์เข้ามา จากนั้นลูกก็ขี่ จยย.ออกไป หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ ตนออกตามหาแต่ก็ไม่พบจนมีคนไปพบศพ
ซึ่งเมื่อเห็นศพลูกตอนนั้นร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก เพราะลูกตายอย่างทรมานและยังถูกเผาจนเกรียม ตนก็อยากจะถามคนร้ายว่าทำไมโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ และคาดว่าลูกชายคงถูกลากศพมาเผา เพราะเห็นเสื้อผ้าที่ยังเผาไม่หมดมีเศษก้อนหินก้อนเล็กๆ เต็มไปหมด
“เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุไม่น่าจะมีเพียงคนเดียว เนื่องจากลูกชายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง หากสู้กันซึ่งหน้าคงยากที่จะล้มลูกชายผมได้ จึงเชื่อว่าคนร้ายอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคน และยอมรับว่าเมื่อก่อนลูกกชายเคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดบ้าง แต่ก็แค่เสพและหากลูกชายผมติดหนี้แล้วไม่ใช้ก็มาบอกได้จะใช้หนี้ให้ ทำไมถึงขั้นต้องฆ่ากันแบบนี้และหากจับคนร้ายขอสาปส่งให้คนร้ายได้รับโทษประหารไปเลย ไม่ต้องนำมาขอขมาศพ ผมไม่ยอมอโหสิกรรมให้และขอให้จนท.เร่งจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว”