เชียงใหม่ - ท่าอากาศยานเชียงใหม่เข้มเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร ยึดมาตรการเดียวกันกับการคัดกรองโควิด-19 เผยที่ผ่านมามีผู้โดยสารในระบบ Thailand Pass บางส่วนที่มาจากต้นทางประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ยังไม่มีเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค
นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่มีการระบาดของโรคฝีดาษวานรเกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในช่องทางเข้า-ออกประเทศ ได้มีมาตรการเฝ้าระวัง โดยใช้มาตรการคัดกรองเช่นเดียวกันกับมาตรการคัดกรองโรคโควิด-19 ซึ่งเมื่อผู้โดยสารเดินทางมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน หากอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.3 องศาเซลเซียส จะให้นั่งพักปรับอุณหภูมิร่างกาย และวัดซ้ำด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิอีกครั้ง หากอุณหภูมิปกติจึงจะเข้าสู่กระบวนการตรวจ Thailand Pass และกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่มีเที่ยวบินตรงในเส้นทางสิงคโปร์ -เชียงใหม่-สิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ต SCOOT TIGER AIR และเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-เชียงใหม่-กัวลาลัมเปอร์ โดยสายการบินแอร์เอเชีย AIR ASIA ผู้โดยสารเฉลี่ยเที่ยวบินละ 80-100 คน
ด้านนางวราพันธุ์ พรวิเศษศิริกุล หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดนิยามผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคฝีดาษวานร สำหรับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ คือ ผู้เดินทางที่มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส หรือมีประวัติไข้ร่วมกับมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นกระจายตามลำตัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด และเดินทางมาจาก หรืออาศัยในประเทศที่มีการรายงานการระบาดของโรคฝีดาษวานรในประเทศภายใน 21 วัน
ทั้งนี้ หากพบผู้โดยสารที่มีลักษณะอาการเข้าข่ายดังกล่าว จะเข้าสู่กระบวนการส่งต่อผู้ป่วยตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจากการตรวจสอบประเทศต้นทางของผู้โดยสารในระบบ Thailand Pass พบผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง คือประเทศอังกฤษบ้าง แต่ก็จะคัดกรองด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและซักประวัติการสัมผัส ซึ่งยังไม่พบผู้โดยสารที่เข้าข่ายตามเกณฑ์แต่อย่างใด