บุรีรัมย์ - ปลัดอำเภอเมืองบุรีรัมย์แจงชุดบุกปิดล้อมตรวจค้นรถร้านขายเครื่องเสียงเป็น จนท.รัฐจริง โดยสนธิกำลังร่วมกันทั้งฝ่ายปกครอง ตร. ทหาร เข้าตรวจสอบรถต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง ยันปฏิบัติตามหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามปกติ ไม่ได้กลั่นแกล้ง ชี้ไม่ติดใจที่อีกฝ่ายนำคลิปไปเผยแพร่เพราะเป็นการปกป้องสิทธิ
วันนี้ (23 พ.ค.) ความคืบหน้ากรณีเจ้าของร้านจำหน่ายและติดตั้งเครื่องเสียงชาว จ.ศรีสะเกษ ได้ไลฟ์สดเหตุการณ์ที่มีชายฉกรรจ์กว่า 10 คน นำรถยนต์มาจอดปิดล้อมรถยนต์ของลูกชายที่หน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ มาขอตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สี่ประตู สีขาว ทะเบียน กธ 7705 ศรีสะเกษ คันที่ลูกชายเป็นคนขับโดยที่ไม่มีหมายค้นหรือเอกสารอะไรมาแสดง และในคลิปจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็นปลัดอำเภอ มีอำนาจในการตรวจสอบได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น จึงทำให้เจ้าของร้านเครื่องเสียงเกิดความไม่พอใจ จนเกิดการโต้เถียงกันระหว่างที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวขอตรวจค้นรถ ทั้งนี้เจ้าของร้านเครื่องเสียงยังได้นำคลิปที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้ตรวจสอบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริงหรือไม่ และหากเป็นเจ้าหน้าที่จริง อยากให้มีการตรวจสอบว่าทำหน้าที่ถูกต้องเหมาะสมหรือเกินกว่าเหตุหรือไม่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ นายทนนท์ เม็นไธสง ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ได้ออกมาชี้แจงว่า ชุดที่เข้าไปตรวจค้นรถคันดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริง โดยการสนธิกำลังกันทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และทหาร เป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ปกติ โดยการตรวจสอบบุคคลที่น่าสงสัย ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วไม่พบอะไรเป็นบุคคลที่สุจริต และอธิบายเหตุผลให้รับทราบแล้ว ซึ่งการเข้าตรวจสอบสืบเนื่องมาจากได้รับข้อมูลมาว่ามีรถลักษณะต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ จึงเข้าทำการตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งมาตามปกติ แต่พอตรวจสอบแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอะไร ก็ได้พูดคุยและปล่อยตัวไป
ส่วนกรณีที่ผู้ถูกตรวจสอบอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตะคอกหรือพูดเสียงดังใส่นั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีตะคอกและมีการแสดงบัตรก่อนเข้าตรวจสอบแล้ว แต่กลุ่มผู้ที่ถูกตรวจสอบเสียงดังใส่ เจ้าหน้าที่จึงต้องเพิ่มระดับเสียงเพื่อให้สื่อสารกันรู้เรื่อง และสอบถามพูดคุยตามปกติ ส่วนจุดที่ทำการตรวจสอบไม่ได้อยู่ในที่ลับตาคนซึ่งเป็นการปฏิบัติตามหลักกฎหมาย ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ที่ถูกตรวจสอบนำคลิปขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียนั้น ถือเป็นการปกป้องสิทธิของประชาชนเพื่อยืนยันความสุจริตของเขาเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ติดใจอะไร แม้อาจทำให้ประชาชนบางคนอาจไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนที่อีกฝ่ายจะไปร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำหน้าที่นั้น พร้อมให้ตรวจสอบเพราะเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติตามหน้าที่ไม่มีเจตนาจะกลั่นแกล้งหรือรังแกประชาชน