บุรีรัมย์- ลุงและป้าพิการชาว อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ วอนช่วยเหลือหลังกู้เงินบริษัทไฟแนนซ์เกือบ 150,000 บาท ตั้งแต่ปี’63 เป็นทุนหมุนใช้จ่ายซื้อของชำขายแต่ประสบวิกฤตโควิดระบาด ทั้งต้องรักษาตัวเพราะภรรยาป่วยเส้นเลือดสมองแตก หาเงินใช้หนี้ไม่ทัน จนถูกฟ้องแม้ทำสัญญาประนีประนอมแต่ก็ไม่มีรายได้เพราะเหลือแค่เบี้ยคนพิการ-ผู้สูงอายุประทังชีวิต กลัวโดนยึดบ้านไม่มีที่ซุกหัวนอน
วันนี้ ( 20 พ.ค. ) นายซุบ สุดเหมาะ อายุ 67 ปี และนางสมศรี สุดเหมาะ อายุ 64 ปี ภรรยาซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว อาศัยอยู่ ต.บ้านปรือ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาวิงวอนขอความช่วยเหลือ หลังนำโฉนดที่ดินพร้อมบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน ไปค้ำประกันเงินกู้กับบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง เมื่อปี 2563 วงเงินกว่า 142,000 บาท เพื่อนำมาหมุนเวียนซื้อของขายที่บ้านซึ่งเปิดเป็นร้านของชำ และส่วนหนึ่งนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเอง เนื่องจากเมื่อปลายปี 2559 นางสมศรี ผู้เป็นภรรยา เกิดล้มป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก เข้ารักษาตัวที่ รพ.กว่า 2 สัปดาห์ และออกมารักษาตัวทำกายภาพบำบัดที่บ้านต่ออีกเกือบ 2 เดือน จึงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
แต่พอเจอสถานการณ์โควิด-19 ระบาดติดต่อกันนานถึง 3 ปี ทำให้ค้าขายไม่ค่อยได้ บางช่วงต้องปิดร้านเพราะติดโควิด-19 ต้องกักตัว ทำให้ขาดเงินหมุนเวียน และไม่มีเงินไปชำระหนี้ต่อเนื่องตามสัญญา จนเมื่อปี 2564 ทางบริษัทไฟแนนซ์ได้ยื่นฟ้องเนื่องจากผิดนัดชำระรวมเงินต้นและดอกเบี้ยกว่า 190,000 บาท กระทั่งเดือน พ.ย.64 ได้มีการทำสัญญาประนีประนอมกันที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์
โดยลุงกับป้าซึ่งเป็นจำเลยตกลงจะชำระหนี้คืนเป็นงวดรายเดือนๆละ 2,500 บาท เริ่มชำระวันที่ 25 ธ.ค.2564 เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 พ.ย.2566 หากจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ให้ถือว่าสัญญาประนีประนอมดังกล่าวยกเลิกไป ซึ่งทางบริษัทไฟแนนซ์ก็ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
จากกรณีดังกล่าวลุงกับป้าซึ่งไม่มีเงินไปจ่ายชำระหนี้ไฟแนนซ์มาหลายงวดแล้ว เกรงว่าจะถูกยึดบ้านและที่ดินที่นำไปค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว จึงได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางไฟแนนซ์ก็มายึดรถยนต์กระบะไปแล้ว เพราะไม่ชำระตามสัญญาที่นำรถไปเข้าไฟแนนซ์ก่อนหน้านี้ 50,000 บาท จึงอยากวอนให้หน่วยงานราชการ หรือผู้ใจบุญช่วยเหลือด้วย เพราะตอนนี้ไม่มีรายได้อะไรเลย เนื่องจากร้านขายของชำก็ปิดมาหลายเดือนแล้วเพราะไม่มีทุนไปซื้อของ
ทุกวันนี้มีแค่เบี้ยผู้พิการของป้าเดือนละ 800 บาท และเบี้ยผู้สูงอายุของลุงกับป้าคนละ 600 บาทต่อเดือน รวมเดือนละ 2,000 บาท ที่ไว้ประทังชีวิต ส่วนลูกชายรับจ้างขับรถส่งน้ำแข็งรายได้รายวัน ซึ่งลูกเขาก็มีหนี้สินของเขาเองด้วย จึงไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ตอนนี้กลัวเขาจะมายึดบ้าน หากใครพอมีช่องทางหรือสามารถช่วยเหลือได้อยากจะวิงวอนขอความเมตตาด้วย เพราะหากถูกยึดบ้านก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
ป้าสมศรี บอกว่า หากตัวเองไม่ได้พิการ และหาเงินได้เหมือนเมื่อก่อนก็คงไม่ลำบาก ส่วนสามีก็ไปทำงานหนักไม่ได้เพราะอายุมากแล้ว ตอนนี้หมดหนทาง
หากใครอยากจะช่วยเหลือลุงกับป้า สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 062-7275695 แต่หากใครอยากจะสนับสนุนทุนให้ลุงกับป้าได้ลงทุนค้าขายของชำ เพื่อหาเงินไปชำระหนี้ไม่ต้องถูกยึดบ้าน สามารถบริจาคได้ที่ชื่อบัญชี นางสมศรี สุดเหมาะ หมายเลขบัญชี 020144336107 ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร