ศูนย์ข่าวศรีราชา - ใจเกินร้อย! เจ้าของร้านขายของชำใน จ.ชลบุรี ให้อภัยคนร้ายขี่ จยย.บุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนปลอมจี้ชิงทรัพย์กว่าแสนบาทหนีลอยนวล เผยเห็นใจอยู่คนเดียวไม่มีพ่อแม่ เชื่อกลับตัวได้หลังพ้นโทษ
จากเหตุการณ์คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์บุกเดี๋ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์เจ้าของร้านขายของชำใน ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี ช่วงกลางวันแสกๆ ของวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ใช้เวลาเพียงนาทีเดียวก็สามารถปลดทั้งสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จี้ ร.5 เลี่ยมทอง และแหวนทองคำ มูลค่ากว่าแสนบาทของ น.ส.รสริน แพงไธสงค์ อายุ 43 ปี และ น.ส.สุปรียา วัดเขียน อายุ 21 ปี เจ้าของร้านหลบหนีลอยนวล โดยกล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้อย่างชัดเจนนั้น
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (10 พ.ค.) พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผู้กำกับการ สภ.แสนสุข ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสุทธิสาร หรือนิล พิพิธกุล อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ
โดยสามารถจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่หอพักแสงกาญจนวนิช อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมยึดของกลางล็อกเก็ต ร.5 และแหวนทองคำของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายชิงไป
นอกจากนั้น ยังพบยาบ้าจำนวน 83 เม็ด และยาไอซ์บรรจุในถุงพลาสติก น้ำหนักประมาณ 8.3 กรัม อยู่ภายในห้อง ส่วนสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท คนร้ายอ้างว่าได้นำไปจำนำไว้ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขตตัวเมืองชลบุรี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตามยึดอาวุธปืนปลอม และเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุซึ่งถูกนำไปทิ้งไว้ที่ริมถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ หลังติดตามตรวจยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ GPX รุ่น DEMON-150GR LUXURY สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กฬ 160 ชลบุรี ได้ที่ร้านซ่อมรถใน ต. หนองข้างคอก อ.เมือง จังหวัดชลบุรี
ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในร้านของชำจุดเกิดเหตุ และยังสารภาพว่ารู้จักกับผู้เสียหายที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิดเนื่องจากมีที่พักอยู่ใกล้กับร้านขายของชำดังกล่าว
ขณะที่ น.ส.รสริน แพงไธสงค์ ผู้เสียหายเผยว่า รู้สึกดีใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข สามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว จนได้ของคืน หลังต้องอยู่อย่างหวาดระแวงและหวาดกลัวมาหลายวัน ซึ่งหลังจากนี้ทางร้านจะหาวิธีป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
“ส่วนทองคงจะไม่ใส่แล้ว เพราะขนาดใส่แบบมิดชิดคนร้ายยังเห็นได้ ซึ่งตนเองพร้อมให้อภัยผู้ก่อเหตุเพราะรู้ว่าอยู่ตัวคนเดียวและไม่มีพ่อแม่ และยังเชื่อว่าหลังพ้นโทษจะสามารถกลับตัวเป็นคนดีได้” น.ส.รสริน กล่าว