หนองคาย - เปิดด่านสากลพรมแดนหนองคาย พบชาวลาวเดินทางเข้าประเทศยังไม่มาก เผยยังติดขัดด้านเอกสารนำรถยนต์เข้าประเทศ ขณะที่รถแท็กซี่รับจ้างประจำด่านสุดดีใจ เปิดด่านมีงานทำ รายได้เริ่มเข้ากระเป๋า หลังต้องเดือดร้อนหยุดงานมากว่า 2 ปี
วันนี้ (10 พ.ค.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย หลังจากที่ทั้งไทยและลาวได้เปิดด่านสากลให้ประชาชนทั้งสองประเทศเดินทางเข้าออกประเทศได้ มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 65 ที่ผ่านมานั้น พบว่าเมื่อวานนี้มีรถยนต์ส่วนบุคคลของไทย เดินทางออกนอกประเทศไปยัง สปป.ลาว จำนวน 33 คัน ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคลชาวลาว มีรถยนต์เข้ามาในไทย 41 คัน
สำหรับจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศผ่านการคัดกรองของเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศพรมแดนสะพานมิตรภาพ 1 หนองคายตั้งแต่วันที่ 1-8 พ.ค.ที่ผ่านมา ประเภท Free to go / Test & Go 4,937 คน, สเตท ควอรันทีน 6 คน, MOU แรงงาน 2,515 คน, Alternative Hospital Quarantine 35 คน และผู้ขนส่งสินค้า 1,562 คน รวมสะสม 9,055 คน
การเดินทางเข้าออกประเทศในช่วงนี้ยังไม่คึกคัก รถยนต์ยังผ่านเข้าออกน้อย เพราะติดขัดเรื่องเอกสาร เนื่องจากหลายคนเอกสารรถยนต์ที่ได้รับการอนุญาตให้นำรถยนต์ผ่านได้มีอายุ 1 ปี แล้วหมดอายุในช่วงโควิด-19 ระบาด ไม่ได้ต่ออายุหนังสืออนุญาต จึงต้องใช้เวลาทำเรื่องเอกสารใหม่ คาดว่าหลังจากช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมีรถยนต์เข้ามามากขึ้น
หลังจากทำพิธีการเข้าประเทศ ตรวจคัดกรองโรคเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายและศุลกากรหนองคายก็จะทำการตรวจรถยนต์ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายและกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ
ด้านนายไพรัตน์ พันธ์จิต ผู้ประกอบการรถแท็กซี่รับจ้างหน้าด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพฯ บอกว่า ดีใจมากที่ด่านสองประเทศเปิดให้ประชาชนสองประเทศ และนักท่องเที่ยวเดินทางได้ตามปกติ หลังจากต้องปิดด่านนานถึง 2 ปี ทำให้รถแท็กซี่และสามล้อรับจ้างประจำด่านขาดรายได้ ไม่มีงานทำ บางคนต้องหันไปทำอาชีพอื่นเป็นการชั่วคราว และเมื่อเปิดด่านแล้วทุกคนก็กลับมาขับรถรับจ้าง หวังให้บริการประชาชนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกได้รับความสะดวก และมีรายได้จุนเจือครอบครัวต่อไป