ประจวบคีรีขันธ์ - กรมเจ้าท่าลงตรวจสอบหาดหัวหิน หลังนักท่องเที่ยวร้องเรียนพบการก่อสร้างบนแนวกำแพงเขื่อนกันคลื่นของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งของชายหาด พบว่าไม่มีการขออนุญาต จึงสั่งยุติการดำเนินการชั่วคราวจนกว่าทางโรงแรมจะไปยื่นเอกสารให้ถูกต้อง และมีความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือ ตามมาตรา 119
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 พ.ค.) หลังจากนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนที่หาดหัวหิน ตั้งข้อสังเกตว่า หาดหัวหินด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งทำไมถึงมีการปิดพื้นที่หาด ขึงแสลนโดยรอบซึ่งเป็นที่สาธารณะ และมีก้อนหินขนาดกองเอาไว้ รวมทั้งป้ายเสาหลักของกรมเจ้าท่า มีงานก่อสร้างกำแพง และไม่มีป้ายติดแสดงเอาไว้แต่อย่างใด จึงอยากให้สื่อมวลชนลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าเหมาะสมหรือไม่ในการดำเนินการบนหาดสาธารณะ และยังเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อนบริเวณดังกล่าวอีกด้วย
นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับทราบปัญหาการร้องเรียน และได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งในส่วนกรมเจ้าท่า และเทศบาลเมืองหัวหิน เจ้าของพื้นที่ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนายอภิสิทธิ์ คำภิโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้นายเสถียรพงษ์ กรีธาธร เจ้าพนักงานตรวจท่า สำนักงานภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว
นอกจากนั้น ในส่วนของเทศบาลเมืองหัวหิน นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน ได้สั่งการให้ นายศุภนพ มัดจันทร์ นักจัดการเทศกิจปฏิบัติการ เทศบาลเมืองหัวหิน พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังบริเวณแนวกำแพงเขื่อนกันคลื่นของโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทาราแกรนด์ หัวหิน พบกับ น.ส.เดือนเพ็ญ เพ็งเกษม ผู้อำนวยการฝ่ายประกันคุณภาพโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทาราแกรนด์ หัวหิน แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า เนื่องจากกำแพงกันคลื่นเดิมได้ถูกคลื่นซัดพังเสียหาย จึงได้ดำเนินการซ่อมแซมใหม่ และเริ่มลงมือก่อสร้างในช่วงเดือนเมษายน โดยทางโรงแรมไม่ทราบว่าต้องขออนุญาต เนื่องจากทางโรงแรมเป็นผู้เช่าพื้นที่จากการรถไฟแห่งประเทศไทย และทางการรถไฟฯ จะเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาต เพิ่งมาทราบวันนี้จากเจ้าหน้าที่ว่ายังไม่มีการขออนุญาตแต่อย่างใด โดยจะรีบดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องโดยทันที ซึ่งขณะนี้ดำเนินการซ่อมแซมไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนี้จะหยุดดำเนินการไว้ก่อน และเมื่อเสร็จแล้วจะดำเนินการเก็บวัสดุก่อสร้างบนชายหาดเพื่อคืนธรรมชาติต่อไป
นายอภิสิทธิ์ คำภิโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนายศุภนพ มัดจันทร์ นักจัดการเทศกิจปฏิบัติการ เทศบาลเมืองหัวหิน และเจ้าหน้าที่เทศกิจ ได้ตรวจสอบพบว่า แนวกำแพงกันคลื่นที่กำลังดำเนินการอยู่ในเขตพื้นที่ของการรถไฟฯ ระยะทางประมาณ 80 เมตร ส่วนที่มีวัสดุก่อสร้างทั้งหินขนาดต่างๆ ที่รื้อออกมาจากกำแพงเดิมมีความกว้างประมาณ 5 เมตร นั้นเป็นพื้นที่สาธารณะน้ำท่วมถึงของเขตกรมเจ้าท่า
โดยจากการตรวจสอบพบว่าไม่ได้ขออนุญาตจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขาประจวบคีรีขันธ์ แต่อย่างใด โดยเฉพาะการกองเศษวัสดุก่อสร้างบนชายหาด รวมทั้งไม่ได้ขออนุญาตดำเนินการจากสำนักงานกองช่างเทศบาลเมืองหัวหิน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งทั้ง 2 กรณีดังกล่าวถือว่ามีความผิด ดังนั้น จึงสั่งระงับการก่อสร้างไปก่อนจนกว่าทางโรงแรมจะดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของทั้ง 2 หน่วยงาน
สำหรับในส่วนความผิดของกรมเจ้าท่า โรงแรมมีความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือตามมาตรา 119 ห้ามมิให้ผู้ใดเททิ้ง เทกอง ทั้งหิน กรวด ทราย ดินโคลน สิ่งของหรือสิ่งปฏิกูลใด ในที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือทะเลภายในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยหลังตรวจสอบแล้วจะได้รายงานให้ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขาประจวบคีรีขันธ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับทราบต่อไป
ด้านนายอุดม ศรีมหาโชตะ กรรมการและประธานฝ่ายสิ่งแวดล้อม สมาคมโรงแรมไทย อุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของพื้นที่มีการปรับแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะต้องมีการขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบว่าการปรับเปลี่ยนปรับปรุงมีผลกระทบอะไรหรือไม่ เพราะขณะนี้มีการลงมาในพื้นที่ชายหาดซึ่งมีผลกระทบตามที่นักท่องเที่ยวมีการร้องเรียน จึงคิดว่าต้องกลับมาถามนโยบายในท้องถิ่น กรณีทั้งการก่อสร้างหรือปรับปรุง รวมทั้งร้านค้า ร้านอาหารที่เข้าไปเปิดใช้พื้นที่ของชายหาดทำกิจกรรมลักษณะต่างๆ เพราะทางสมาคมโรงแรมไทยได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวในลักษณะเช่นนี้มากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ชายหาดหัวหินเปลี่ยนแปลงไปซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่ดูไม่ดี นักท่องเที่ยวที่มาหัวหินเมื่อลงมาที่ชายหาดต้องการนั่งพักผ่อน เดินเล่น ลงเล่นน้ำทะเลซึ่งทำให้ภาพของหาดหัวหินขาดความสวยงาม