เพชรบุรี - รวบแล้วชายก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้หวังชิงทองร้านขายรองเท้าริมหาดชะอำ พร้อมของกลางหลายรายการ สอบประวัติ พบเคยก่อคดีเพียบ
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.โกศล ยามา รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี และ จนท.ตำรวจชุดสืบจังหวัดเพชรบุรี ชุดสืบสวน สภ.ชะอำ แถลงข่าวหลังจับกุมตัวนายวัลลภ หรือหนู บุญเกิด อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีพยายามชิงทรัพย์ โดยมีอาวุธ ซ่อนเร้นปิดบังใบหน้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน เสื้อและกางเกงที่ใช้ในการก่อเหตุ รองเท้าแตะ จำนวน 1 คู่ หมวกกันน็อก จำนวน 1 ใบ กระเป๋าสะพาย จำนวน 1 ใบ หมวก จำนวน 1 ใบ อาวุธปืนอัดลม จำนวน 1 กระบอก หลังจับกุมได้เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2565 เวลาประมาณ 13.30 น.ที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 ต.ดอนขุนห้วย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
โดยเมื่อวันที่ 21 เม.ย.65 เวลาประมาณ 15.50 น. ชุดสืบสวน สภ.ชะอำ ได้รับแจ้งเหตุพยายามชิงทรัพย์สร้อยทอง โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ แต่ไม่สามารถเอาทรัพย์ไปได้ สถานที่เกิดเหตุร้านลมรองเท้าชะอำ ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้เสียหายคือ น.ส.สมพิษ ปะนะตัง อายุ 43 ปี เจ้าของร้าน โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายได้เป็นชาย 1 คน หลังก่อเหตุได้ขับรถจักรยายนต์หลบหนีไปทางถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ จากนั้นชุดสืบสวน สภ.ชะอำ ได้ขยายผลจากกล้องวงจรปิด และลงพื้นที่ทำการสืบสวนหาข่าวจากมวลชน ประวัติบุคคลที่เคยกระทำความผิดและประวัติบุคคลพ้นโทษที่เคยต้องหาคดีอาญาในลักษณะดังกล่าว จนทราบว่าคนร้ายมีใบหน้าตามกล้องวงจรปิดนั้นคือ นายวัลลภหรือหนู บุญเกิด และได้หลบหนีการจับกุมมาพักที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 ต.ดอนขุนห้วย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
จากนั้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2565 เวลาประมาณ 13.30 น. ชุดสืบสวนจึงได้นำกำลังไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้มาจากการลักทรัพย์ในพื้นที่ สภ.หัวหิน เมื่อ 1 เม.ย.65 จอดอยู่บริเวณหน้าบ้านของผู้ต้องหา และเสื้อผ้าในวันก่อเหตุตามกล้องวงจรปิด และของกลางอีกหลายรายการพบอยู่ภายในบ้าน จากนั้นชุดสืบสวนจึงได้เข้าควบคุมตัว และจับกุมได้พร้อมของกลาง จากการซักถามผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าได้ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ สภ.ชะอำ และ สภ.หัวหิน จำนวนหลายครั้ง จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา และของกลางที่ตรวจยึดได้นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการต่อไป
จากการตรวจสอบพบประวัติพบว่า เมื่อปี 2549 เคยต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์ โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจ หรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด พื้นที่ สภ.หัวหิน เมื่อปี 2552 ผู้ต้องหาเคยต้องหาคดีมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภท (นอกเหนือจากแอลเอสดี หรือเมทแอมเฟตามีน) มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 3 กรัมขึ้นไป พื้นที่ สภ.หัวหิน เมื่อปี 2557 ต้องหาคดี ข่มขืนกระทำชำเรา พื้นที่ สภ.หัวหิน เมื่อปี 2557 ต้องหาคดีลักทรัพย์ พื้นที่ สภ.หัวหิน พ้นโทษมาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.64
หลังจากออกมาได้ก่อเหตุซ้ำอีก โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ร้านรองเท้า สภ.ชะอำ และไปก่อเหตุลักทรัพย์เบ็ดตกปลาสายไฟฟ้าในพื้นที่ สภ.ชะอำ ในวันเดียวกัน ต่อมาวันที่ 22 เมษายน 2565 ก่อเหตุลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อสาขาบ่อฝ้าย เขตพื้นที่ สภ.หัวหิน ก่อเหตุลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อสาขาสะพาน 7 และ ก่อเหตุลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อสาขาสะพาน 8 โดยก่อเหตุในวันเดียวกันถึง 3 แห่ง ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบข้อมูลรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายที่ก่อเหตุ และมีแนวทางการสืบสวนดูภาพจากกล้องวงจรปิดแนวเส้นทางพบประวัติการกระทำความผิด และหาเบาะแสจากประชาชน ซึ่งได้รับความความร่วมมือระหว่างหน่วยงานจนสามารถจับกุมตัวได้
พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า นายวัลลภ เป็นบุคคลที่ไม่ได้แจ้งเกิดตามทะเบียนราษฎร เป็นบุคคลไม่มีบ้านอาศัยไปอยู่ตามบ้านเพื่อน และบ้านยาย เบื้องต้น นายวัลลภ หรือหนู ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง แต่วันที่ใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนปลอมจ่อเจ้าของร้านรองเท้านั้นเกิดจากความเมาที่ตนดื่มสุราไปก่อนที่จะก่อเหตุแต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะชิงทรัพย์ ทั้งนี้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้บอกกับนายวัลลภ ว่าหากพ้นโทษวันไหนถ้าไม่มีที่ไปหรือไม่มีงานทำให้มาหา โดยกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี รับปากจะหางานให้นายวัลลภ ทำ เพื่อที่จะได้ไม่ไปก่อเหตุซ้ำซากและวนเวียนเข้าออกเรือนจำในลักษณะเช่นนี้อีก