กำแพงเพชร – ตกเป็นเหยื่อกันไม่เว้นวัน..ล่าสุดสาวลูกจ้างเสริมความงาม หลงกลแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็น ตร.ภูเก็ต ทั้งขู่ทั้งหลอก โอนเงินเก็บไว้สูงลูกเรียน สูญเกือบ 300,000 บาท เคาระห์ซ้ำรถ จยย.คว่ำระหว่างทางไปโรงพัก
นางสายชล สุขทรัพย์ อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 64/1หมู่ที่ 11 ต.ทรงธรรม อ.เมืองกำแพงเพชร ได้นำหลักฐานการโอนเงินแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.วิโรจน์ กันทมารา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร เมื่อเร็วๆนี้ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต โทรศัพท์มาหลอกว่าเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีกลางเพื่อตรวจสอบว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง
จนทำให้ตนหลงเชื่อโอนเงินไปครั้งแรก 100,000 บาท ครั้งที่สองอีก 100,000 บาท และครั้งที่สาม 69,225 บาท รวมเป็นเงิน 269,225 บาท เมื่อได้เงินแล้วก็ไม่สามารถที่จะโทรศัพท์ติดต่อกันได้อีก
นางสาวสายชลเล่าว่า เมื่อ 23 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา มีคนชื่อนางสาวกุลสิริ พลธีระ อ้างเป็นพนักงานแจ้งเรื่องของยูพีเอสสาขาภูเก็ต โทรมาบอกว่าตนมีชื่อส่งพัสดุไปยังปลายทางในประเทศจีน ระบุชื่อผู้รับคือนายฮงเหว่ย ไท่จิง แต่ภายในกล่องพัสดุมีสิ่งของต้องห้ามประกอบไปด้วยพาสปอร์ต 8 เล่ม เอทีเอ็ม 10 ใบ ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าจำนวน 9 ชุด
จากนั้นก็ส่งโทรศัพท์ให้กับคนที่อ้างเป็นตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ชื่อ “สุทธิรักษ์ สุวรรณพราย” แต่ไม่ได้บอกชื่อยศ พูดคุยกับตน ก่อนส่งสายต่อให้กับนายอนุชิต กิตติรัตน์ ที่อ้างเป็นฝ่ายตรวจสอบ พูดคุยกับตนซึ่งนายอนุชิต ได้อธิบายขยายความว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายสมศักดิ์ ภักดี เป็นผู้ต้องหาในกระบวนการฟอกเงิน และตรวจสอบแล้วว่าตนมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ซึ่งถ้าหากตนแสดงความบริสุทธิ์ไม่ยุ่งเกี่ยวก็ให้โอนเงินไปยังบัญชีกลาง พร้อมบอกหมายเลขบัญชีธนาคารกสิกรไทยให้โอนไปยังชื่อบัญชีของ น.ส.กัญญาพัชร สุขเกษม และยังย้ำว่าตนจะต้องโอนเงินในบัญชีที่มีอยู่ทุกบัญชีไปให้หมด
และด้วยความที่ไม่รู้ ตนจึงได้โอนเงินไปเพื่อให้ตรวจสอบแสดงความบริสุทธิ์ดังกล่าว เมื่อโอนเสร็จแล้วตนก็รอโทรศัพท์ เนื่องจากว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเมื่อโอนจนครบแล้วก็จะรีบโอนกลับมาให้ทันที แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกันได้อีกตนจึงได้นำความเข้าแจ้งตำรวจ เพราะเอะใจว่าคงถูกต้มตุ๋นเข้าแล้ว
เคราะห์หามยามร้ายยังไม่หมด ขณะที่นางสาวสายชล นำเอกสารบางส่วนเดินทางไปให้กับพนักงานสอบสวน ก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพลิกคว่ำที่หน้าธนาคารออมสินถนนเทศา 1 ต.ในเมือง อ.เมืองกำแพงเพชร ห่างจากโรงพักประมาณ 500 เมตร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เหยื่อนั้นรู้สึกเศร้าและผิดหวัง เนื่องจากเงินทั้งหมดที่โอนไปนั้น เป็นเงินที่สะสมไว้จะสำหรับเป็นทุนการศึกษาเล่าเรียนของลูกสาว ซึ่งยังเรียนอยู่ปี 1 ม.นเรศวรจังหวัดพิษณุโลก
ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวผู้เสียหายฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ไปถึงพี่น้องประชาชนว่าขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังระบาด ซึ่งตนก็ทราบอยู่ แต่มิจฉาพวกนี้จะมีวิธีการพูดทำให้เหยื่อตกใจ ซึ่งตนเองก็คิดอะไรไม่ออกและแก๊งดังกล่าวสร้างความน่าเชื่อถือ อ้างทั้งบริษัท อ้างทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วก็มีฝ่ายตรวจสอบ จนทำให้ขณะนั้นตนคิดแต่เพียงจะแสดงความบริสุทธิ์เท่านั้น จึงได้หลงกลแก๊งดังกล่าวจนได้
นอกจากนี้ยังขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีพี่น้องประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนจากมิจฉาชีพที่เป็นภัยต่อสังคมเหล่านี้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะระมัดระวังอย่างไรในที่สุดก็หลงกลเขาจนได้ ทำให้ต้องสูญเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตเพื่อจะส่งลูกเรียน ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะมีหนทางทำอย่างไร เนื่องจากตนเป็นลูกจ้างร้านเสริมความงาม มีรายได้เดือนละไม่กี่บาทเท่านั้นเอง จึงขอย้ำและฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งติดตามมิจฉาชีพที่เป็นภัยสังคมเหล่านี้มาดำเนินคดีให้ได้ด้วยความรวดเร็ว