บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เตรียมเรียกเยาวชนชายที่ถูกผู้ปกครองนักเรียนสาว ม.2 แจ้งความเอาผิดฐานลวงลูกสาวไปกระทำชำเรามาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพเพื่อประกอบสำนวนคดี หลังญาติเหยื่อติดใจ 5 เดือนคดีไม่คืบ ด้านเยาวชนชายยอมรับนัดฝ่ายหญิงไปหามีอะไรกันในรีสอร์ต 3 ครั้งจริง แต่อ้างไม่ได้บังคับขืนใจ ยายเผยคู่กรณีเรียกค่าเสียหาย 1 แสน ฐานะยากจนยังไม่มีจ่าย
วันนี้ (22 เม.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ครอบครัวของทหารเรือชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจาก ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ซึ่งเป็นลูกสาว ได้ถูกวัยรุ่นชายคนหนึ่งซึ่งรู้จักกันทางเฟซบุ๊ก ล่อลวงลูกสาวไปกระทำชำเราในรีสอร์ต รวม 3 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2564 ปีที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุผู้ปกครองได้พาลูกสาวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.นางรอง แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปกว่า 5 เดือนแล้วคดีกลับไม่มีความคืบหน้า ยังไม่มีการเรียกเด็กไปสอบต่อหน้าสหวิชาชีพเลย มีเพียงร้อยเวรฯ เจ้าของคดีให้เด็กไปชี้จุดเกิดเหตุ และสอบถามเหตุการณ์เท่านั้น แล้วก็เงียบหายไป พอผู้ปกครองไปสอบถามตำรวจบอกแค่ต้องทำไปตามขั้นตอน แต่ครอบครัวเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปนานกว่า 5 เดือนแล้วเรื่องยังเงียบจึงเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเตรียมเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก “มูลนิธิปวีณา” ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง เจ้าของคดีได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านครอบครัวทหารเรือที่แจ้งความร้องทุกข์ว่าลูกสาวถูกลวงไปกระทำชำเรา เพื่อนัดให้ผู้ปกครองพา ด.ญ.ผู้เสียหายไปสอบต่อหน้าสหวิชาชีพที่อัยการจังหวัดนางรองในวันที่ 25 เม.ย.ที่จะถึงนี้เพื่อประกอบสำนวนคดี เพราะตั้งแต่แจ้งความยังไม่ได้เรียกเด็กผู้เสียหายไปสอบ เนื่องจากต้องรอสอบต่อหน้าสหวิชาชีพเพราะผู้เสียหายเป็นเด็ก
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ชี้แจงให้ทางครอบครัวทราบว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ก็เตรียมเรียกเยาวชนชายที่ถูกกล่าวหาเข้ามาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพเช่นกัน เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหายังเป็นเยาวชนอายุ 14 ปี หลังจากสอบทั้งเด็กผู้เสียหายและคู่กรณีแล้วจะทำการรวบรวมหลักฐานและสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการตามกระบวนการขั้นตอน ยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย แต่เนื่องจากทั้งผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาเป็นเยาวชน จึงต้องทำคดีด้วยความละเอียดรอบคอบ และเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน
ขณะที่ ด.ช.เอ็ม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เยาวชนที่ถูกกล่าวหา ซึ่งปัจจุบันไม่ได้เรียนหนังสือ ยอมรับว่าได้รู้จักและติดต่อกับฝ่ายหญิงทางเฟซบุ๊กประมาณ 2 สัปดาห์ ได้นัดฝ่ายหญิงให้มาหาที่รีสอร์ตและมีอะไรกันจริงรวม 3 ครั้ง ซึ่งฝ่ายหญิงมาหาและมีอะไรกันด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการบังคับขืนใจ แต่พอรู้ว่าผู้ปกครองของฝ่ายหญิงแจ้งความเอาผิดก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ก็เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้และยอมรับว่ากลัวจะถูกส่งเข้าสถานพินิจฯ แต่ในเมื่อมันเกิดไปแล้วตนไม่รู้จะทำยังไงต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ด้วย
ด้าน นางสุนี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ยายของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า พ่อแม่ของหลานแยกทางกันตั้งแต่เด็ก ตนกับตาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันหลานอายุ 14 แต่ไม่ได้เรียนต่อชั้นมัธยมศึกษา ก็ทำงานรับจ้างช่วยตายาย ที่ผ่านมาตนไม่รู้ว่าหลานไปไหนมาไหนหรือติดต่อกับใครบ้าง เพราะไม่ได้ตามหลานตลอด และไม่รู้ว่าหลานไปติดต่อหรือมีอะไรกับฝ่ายหญิงตั้งแต่ตอนไหน มารู้อีกทีตอนที่ผู้ปกครองเขาไปแจ้งความเอาผิด
ตอนแรกยอมรับว่ามีการพูดคุยเจรจาตกลงค่าเสียหายกันโดยผู้ปกครองฝ่ายหญิงเรียกค่าเสียหาย 1 แสนบาท แต่เนื่องจากครอบครัวก็ฐานะยากจนและช่วงนี้ติดโควิด-19 ต้องกักตัวด้วย จึงไม่มีเงินไปจ่ายให้ผู้เสียหาย อยากจะขอความเห็นใจจากคู่กรณีด้วยเพราะหลานตนเองก็ยังเป็นเด็กทำอะไรไปโดยไม่คิดหรือไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน