ร้อยเอ็ด - “จุรีพร” ควงทนายความแถลงข่าวแฉพฤติกรรมความผิดปกติของนายกิ๊กและพี่สาวมีเงื่อนงำน่าสงสัยวางแผนทำลายตนและคนใกล้ชิด ปล่อยคลิปเสียงจนทำให้เกิดความเสียหาย ยัน “แรมโบ้” ก็ไม่มีเบื้องหลังด้านผลประโยชน์หรือหวังโควตาสลากฯ ด้านทนายความเผยเตรียมเอาผิดทุกคนที่รู้ไม่จริงแล้วนำไปพูดต่อให้เกิดความเสียหาย หนึ่งในกลุ่มที่เข้าข่ายคือผู้ดำเนินรายการ “หมาแก่-แมวสาว”
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (20 เม.ย.) ณ ที่ทำการสาขาพรรคพลังประชารัฐ ริมถนนเลี่ยงเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด นางจุรีพร สินธุไพร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเฉลิมพล ระดาพัฒน์ ทนายความประจำตัว เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยนำเอารองเท้าแบรนด์เนม กุซชี่ แบบหญิง และรองเท้ายี่ห้อ หลุยส์ วิตตอง แบบชายของนายกิ๊กออกมาโชว์กับสื่อมวลชนและประชาชนที่มาให้กำลังใจที่สาขาพรรค และฟังแถลงข้อเท็จจริงกรณีข่าวคลิปเสียงคุยกับแรมโบ้ จนเป็นเรื่องอื้อฉาวตามที่ปรากฏทางสื่อ
นางจุรีพร สินธุไพร กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวทำให้ตนเสียหายเป็นอย่างมาก จึงต้องเปิดแถลงข่าวข้อเท็จจริงเพื่อให้สาธารณชนเลิกเข้าใจผิดถึงเหตุที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ แต่เป็นการกลั่นแกล้งทำลายกันทางการเมืองเพื่อดิสเครดิตตนเอง รวมไปถึงทำลายพรรคพลังประชารัฐ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการวางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี จากบุคคล 2 คน คือ 1. นายกิ๊ก หรือนายสุดสยาม มากแก้ว และพี่สาว ชื่อ น็อต ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อ ที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ นายกิ๊กเดินทางมาพบตนที่บ้านเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565 โดยไม่รู้จักกันมาก่อน ด้วยการนำเอารองเท้าแบรนด์เนมผู้หญิงมาฝากตน อ้างว่าทราบว่าตนเองจะสั่งทำเสื้อกีฬา จึงมาขอเสนอตัวทำเสื้อให้ เนื่องจากมีโรงงานผลิต
ขณะที่พี่สาวที่ชื่อน็อตก็อ้างว่าสนิทกับรองปลัดกระทรวงฯ ท่านหนึ่งที่ดูแลด้านการจัดสรรงบประมาณทำถนนให้ได้ หากต้องการก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ ซึ่งตนก็แค่รับฟัง ไม่ได้สนใจอะไร
หลังจากนั้นไม่นานก็นำรองเท้าแบรนด์เนมชายอีกยี่ห้อมาฝากสามีตน ซึ่งตนก็ไม่เอะใจอะไร แต่ก็รับไว้แบบงงๆ ที่จู่ๆ คนไม่รู้จักก็นำของราคาแพงมาฝาก ทั้งๆ ที่จะมาติดต่อขายเสื้อ จนกระทั่งล่าสุดเกิดเหตุเรื่องคลิปเสียงขึ้น จึงมานึกย้อนหลังได้ว่าเป็นความผิดปกติ และที่น่าสงสัยมากกว่านั้น คือหลังจากตนตกลงจะซื้อเสื้อตามออเดอร์ โดยแจ้งกลับไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม แต่กลับไม่มารับออเดอร์ ท้ายที่สุดก็เกิดเรื่องขึ้นอย่างเกินคาด เชื่อว่าน่าจะมีการวางแผนไว้ก่อนเป็นอย่างดี
“เป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ คนไม่รู้จักกันมาก่อนจะเอาของแพงๆ มาฝาก และอ้างโน่นนี่นั่น รวมทั้งอ้างจะมารับออเดอร์เสื้อ แต่พอเรียกให้มารับกลับไม่มา จึงมาฉุกคิดได้ว่าอาจจะเป็นแผนการที่แฝงตัวเข้ามาทำลายความน่าเชื่อถือของตนจนเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นเพื่อดิสเครดิตกันทางการเมือง จากความไม่ประสงค์ดีมากกว่าอย่างอื่น” นางจุรีพรกล่าว
รวมทั้งหลังจากเกิดเหตุคลิปเสียงครั้งแรกแล้ว ก็เกิดคลิปเสียงครั้งที่ 2 ตามมา ที่เป็นเสียงของนายกิ๊กกับตนเองแพร่ออกมาอีก แล้วเปิดช่องให้สื่อโจมตีไม่หยุด
นางจุรีพรยอมรับว่าคลิปที่ 2 นั้นตนตั้งใจทำขึ้นจริงระหว่างคุยกับนายกิ๊กเพื่อค้นหาความจริงดูว่านายกิ๊กจะรับหรือไม่ ซึ่งล่าสุดนายกิ๊กก็ยอมรับแล้วว่าเป็นคนปล่อยคลิปจริง เมื่อสารภาพแล้วก็อยู่ในขั้นตอนกระบวนการที่จะให้ทนายดำเนินการตามกฎหมายต่อคนที่ทำให้ตนเองเสียหายจนถึงที่สุด และยืนยันไม่เคยคิดเอี่ยวแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าสลากกับนายแรมโบ้ เพราะทำไม่เป็น และตนก็มีอาชีพอยู่แล้ว
ในขณะที่นายเฉลิมพล ระดาพัฒน์ ทนายความประจำตัวฯ กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานของเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อที่จะเตรียมดำเนินการตามกฎหมายของเหตุที่มีการเข้าข่ายพยายามทำลายชื่อเสียง และสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเสียหายแก่นางจุรีพร สินธุไพร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่อยู่ในข่ายทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งทนายความของอีกฝ่าย และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และทุกๆ คน ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ก็อยู่ในข่ายที่จะต้องมีการตรวจสอบว่าเข้าข่ายหรือไม่
รวมไปถึงสื่อมวลชนต่างๆ หลายคนหลายสำนักก็อยู่ในข่ายที่จะต้องตราจสอบ หากเข้าข่ายทำให้เกิดความเสียหายก็จะนำเข้าสู่การดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายจนถึงที่สุด โดยเฉพาะสื่อรายการเล่าข่าวที่มีผู้จัดที่ชื่อว่า “หมาแก่” และ “แมวสาว” มีความชัดเจนมากว่าเข้าข่ายหมิ่นเหม่ต่อการเสนอข่าวที่ทำนางจุรีพร สินธุไพร เสียหาย