สุโขทัย - น้ำยมเคยมีจริง..“ปลากระโห้ยักษ์” ชาวบ้านเผยภาพยืนยันเคยจับได้เมื่อ 42 ปีก่อน ระบุต้องเหวี่ยงแหกันถึง 4 ปากถึงเอาอยู่ แถมบางคนแอบเก็บเกล็ดปลากลับบ้านเจอเรื่องร้ายไม่หยุด บ้างโดนไฟไหม้บ้าน-ล้มป่วย-เป็นบ้า จนต้องนำมาคืน
นอกจากเรื่องราวข่าวลือ “นางเงือก” โผล่บนหาดทรายกลางแม่น้ำยม บริเวณบ้านวังตาเย หมู่ที่ 2 ต.บ้านนา อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จนกลายเป็นกระแสพูดกันปากต่อปาก ก่อนจะมีชาวบ้านออกมาเฉลยความจริงว่าไม่ใช่ แต่เป็นเสื้อผ้ากับตาข่ายดักปลาที่แขวนเอาไว้บนเสาไม้ไผ่ ซึ่งมองไกลๆ อาจดูคล้ายนางเงือก ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น
ล่าสุด แม่น้ำยมบริเวณ “บ้านวังตาเย” แห่งนี้ก็ยังมีเรื่องฮือฮาในอดีต ซึ่งชาวบ้านเพิ่งนำภาพถ่ายมาเปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวดูเป็นครั้งแรกในรอบ 42 ปี เป็นภาพ “ปลากระโห้ยักษ์” ขนาดลำตัวยาว 2 เมตร น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม ตัวใหญ่กว่าคน ซึ่งชาวบ้านช่วยกันจับได้ในแม่น้ำยม ตรงบ้านวังตาเย หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.ศรีสำโรง เมื่อปี พ.ศ. 2523
นางสิงหา ประดิษ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านนา อ.ศรีสำโรง เล่าให้ฟังว่า ย้อนไปเมื่อ 42 ปีที่แล้วมีชาวบ้านหลายคนมาจับปลาในแม่น้ำยมบริเวณนี้ แล้วเจอปลากระโห้ยักษ์ จนต้องช่วยกันใช้แหเหวี่ยงจับถึง 4 ปากจึงสามารถจับปลาตัวนี้ได้ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นปลาเจ้าแม่ ก็เลยมีการตั้งศาลกราบไหว้ ส่วนปลากระโห้ยักษ์ได้มอบให้ประมงกับนายอำเภอฯ (ขณะนั้น) ไปเลี้ยงดูแลแทน
อย่างไรก็ตาม ตอนที่จับปลากระโห้ยักษ์ได้ มีชาวบ้านหลายคนเก็บเกล็ดปลาติดตัวกลับบ้านไปโดยไม่บอกกล่าว ปรากฏว่าไม่กี่วันก็เกิดเหตุเภทภัย บางคนจู่ๆ ล้มป่วย บางคนกลายเป็นบ้า บางคนก็ถูกไฟไหม้บ้าน และเจอเหตุร้ายต่างๆ จนต้องรีบนำเกล็ดปลามาคืนไว้ที่ศาลเจ้าแม่ปลากระโห้ จึงทำให้เรื่องร้ายยุติลง
ปัจจุบันศาลเจ้าแม่ปลากระโห้ และเกล็ดปลาขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือที่ชาวบ้านนำมาคืน ได้ถูกย้ายจากริมตลิ่งแม่น้ำยม บ้านวังตาเย มาตั้งอยู่ตรงบริเวณข้างบ้านเลขที่ 12/2 หมู่ 2 ต.บ้านนา อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย โดยมีนางลำเพย ฝาพิมาย อายุ 61 ปี เป็นผู้ดูแล