พระนครศรีอยุธยา - สลด! รับวันหยุดสงกรานต์ รถไฟรถด่วนดีเซลรางขยี้ 2 แม่ลูกขับจักรยานยนต์ฝ่าแผงกั้นรถไฟเสียชีวิตคาที่ บริเวณปิดกั้นข้ามทางรถไฟวัดพนัญเชิง หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา
วันนี้ (12 เม.ย.) ร.ต.อ.สามารถ รักษาศักดิ์ รอง สว สอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถไฟชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณปิดกั้นข้ามทางรถไฟวัดพนัญเชิง หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์
ในที่เกิดเหตุพบร่องกลางระหว่างรางรถไฟที่ 2-3 ห่างจากทางข้ามปิดกันรถไฟประมาณ 50 เมตร พบร่างผุ้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิง สภาพร่างกายแหลกเหลว กระดูกแขนขาและลำตัวผิดรูป มีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ แขน ลำตัว และขา ทราบชื่อคือ น.ส.กาญจนา ไวกยี อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่างไปประมาณ 10 เมตร บนรางรถไฟที่ 3 พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ หมายเลขทะเบียน กทม. 514 อย สภาพพังเสียหายทั้งคัน ห่างไปประมาณ 20 เมตร พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ ด.ญ.ฟ้ารุ่ง ไวกยี อายุ 11 ปี สภาพร่างกายแหลกเหลว เช่นเดียวกัน
จากการสอบถาม น.ส.สายฝน ภาคธรรม อายุ 50 ปี เป็นแม่และยายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากคนรู้จักว่าลูกสาวถูกรถไฟชนพร้อมหลาน จึงรีบมาดูพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของลูกสาวจริง และศพที่พบก็เป็นลูกและหลาน ซึ่งทุกวันลูกสาวพร้อมหลานจะออกมารับจ้างตั้งเต็นท์บริเวณตลาดนัดแถววัดพระญาติ เชื่อว่าออกจากบ้านกำลังจะไปตั้งเต็นท์แต่มาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว
ด้าน นายเกียรติศักดิ์ โชติกะเสถียร เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รถไฟขาออกมี 2 ขบวน ขับตามกันมา คงจะไม่เห็นรถไฟคันที่ 2 ซึ่งเป็นรถด่วนดีเซลราง ขบวน 71 กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี มุ่งหน้าจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเครื่องกั้นยังไม่ขึ้น คาดว่าคนขับรถจักรยานยนต์คงขับข้ามไม้กั้น จึงถูกชนดังกล่าว
เบื้องต้น ร.ต.อ.สามารถ รักษาสัตว์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา จะได้สอบปากคำผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง และส่งร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิพุทไธสวรรย์ นำส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี เพื่อทำการชันสูตรเพิ่มเติมก่อนส่งให้ญาติรับร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
