ศูนย์ข่าวศรีราชา - ญาติเชื่อเหตุสลดยิงยกครัวในโรงเรียนชื่อดังชลบุรีเกิดจากฝ่ายหญิงขอหย่าหลายครั้งหลังจับได้ฝ่ายชายปันใจ ส่วนขณะเกิดเหตุเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้เพราะไม่มีกล้องวงจรปิด เผยโชคดีลูกสาวคนโตอยู่ กทม. ด้านครูบอกเสียดายเด็กเรียนดี ได้เหรียญทองวิชาการ
จากเหตุสลดที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนชายชื่อดังเมืองชลบุรี ช่วงเช้าวานนี้ (2 เม.ย.) หลังสามีตามยิงภรรยาและลูกชาย ขณะเดินทางเข้ามอบตัวเป็นนักเรียนชั้น ม.1 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายอนุชา ธีรนรเศรษฐ์ อายุ 50 ปี และ ด.ช.องศา ธีรนรเศรษฐ์ อายุ 13 ปี และผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสคือ นางอารีสศรา ธีรนรเศรษฐ์ อายุ 49 ปี
ล่าสุด วันนี้ (3 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากญาติของผู้เสียชีวิตซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า หลังเกิดเหตุได้มีผู้สื่อข่าวจำนวนมากติดตามมาทำข่าวที่บ้านพักซึ่งอยู่ในเขตตัวเมืองชลบุรี แต่ทางญาติยังไม่พร้อมให้ข้อมูลใดๆ เนื่องจากขณะนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
โดยเบื้องต้นคาดว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุน่าจะมาจากการที่ผู้ได้รับบาดเจ็บจับได้ว่าสามีมีหญิงอื่นจึงขอแยกทางหลายครั้ง และเคยรุนแรงถึงขั้นจดทะเบียนหย่า แต่สุดท้ายกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง กระทั่งล่าสุดฝ่ายหญิงจับได้ว่าฝ่ายชายมีหญิงอื่นอีกจึงขอแยกทางแต่ฝ่ายชายไม่ยอม จนเกิดการทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกายจนผู้ได้รับบาดเจ็บต้องเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ดไว้เป็นหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเป็นเช่นไรเนื่องจากจุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด และยังคงต้องรอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บสามารถให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อนเท่านั้น
และจากการสอบถามไปยังครูของ ด.ช.องศา ทราบว่า หลังเกิดเหตุครูและเพื่อนร่วมชั้นเรียนต่างพากันตกใจและเสียใจ รวมทั้งเสียดายที่ต้องสูญเสียเด็กเรียนดี นิสัยร่าเริง พูดจาไพเราะ
โดยขณะศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศชลบุรี ยังเคยเข้าแข่งขันในการแข่งขันศิลปหัตกรรม และวิชาการเทคโนโลยีนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2561 จนได้รับเหรียญทองอัจฉริยภาพคณิตศาสตร์ ป.1-ป.3 และทางโรงเรียนได้มีการติดป้ายเชิดชูเกียรติแสดงไว้ในโรงเรียนอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น โลกออนไลน์ได้แสดงความคิดเห็นมากมายโดยเฉพาะประเด็นการใช้อาวุธปืนยิงลูกชายจนเสียชีวิต พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงเกิดความรุนแรงขึ้นกับเด็ก
