ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “อนุทิน” เปิดงานมหกรรมกัญชาร้อยแก่นสารสินธุ์ หนุนกัญชงและกัญชาให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ในชุมชน หลังมีความต้องการใช้ทางการแพทย์สูงจนดันราคาขายทั้งกัญชาและกัญชงแพงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ภายในห้วง 120 วันก่อนการปลดล็อกกัญชาจะมีผลบังคับใช้ ตำรวจต้องใช้วิจารญาณในการจับกุมชาวบ้านใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น หรือ KICE นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานมหกรรมกัญชาร้อยแก่นสารสินธุ์ มีส่วนราชการ ผู้ประกอบการ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จาก 4 จังหวัดอีสานตอนกลาง ประกอบด้วย จ.ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์เข้าร่วมงาน โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1- 3 เม.ย. 65
กิจกรรมภายในงาน มีการจัดวงเสวนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชา แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางด้านวิชาการใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ กัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน กัญชาทางการแพทย์แผนไทย และกัญชาภาคประชาชน จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปกัญชาอย่างหลากหลายนับร้อยบูท
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากสัญจรจัดประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์หลายจังหวัด พบว่าประชาชนมีความร่วมรู้ความเข้าใจในการใช้สมุนไพรกัญชาดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่น่าดีใจก็คือ หลังจากที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ไปจัดงานในหลายภูมิภาค ก็ได้เห็นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกัญชาและกัญชงมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เฉพาะน้ำมันหรือสารสกัดที่เคยเห็นเพียงอย่างเดียวแล้ว ตอนนี้มีทั้งเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม
รวมทั้งการนำใบกัญชงมาขายในราคาค่อนข้างสูง ขีดละ 400-500 บาท ลองคิดดูว่าหากนำเอาใบกัญชาที่เป็นพันธุ์ดีมาขายจะสร้างรายได้ได้มากขนาดไหน ซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบันกัญชงและกัญชาเริ่มถูกนำไปแตกแขนงเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย
ช่วงที่เดินเยี่ยมชมบูทนิทรรศการที่มาจัดแสดง เจ้าของผลิตภัณฑ์แต่ละบูทต่างบอกว่าทำออกมาแล้วขายดีมาก ปัจจุบันหลายๆ โรงพยาบาลก็บ่นว่าน้ำมันกัญชาที่เราขึ้นทะเบียนเป็นยาหลัก ซึ่งเป็นสูตรของอาจารย์เดชา ศิริภัทร ผู้เชี่ยวชาญการใช้กัญชาทางการแพทย์ ตอนนี้เริ่มไม่พอใช้ ทั้งที่ในสมัยก่อนเหลือเยอะมาก จากแพทย์สมัยใหม่ที่ไม่ค่อยนิยมใช้ ก็หันมาใช้กันมากขึ้นจนเริ่มไม่เพียงพอ ซึ่งตนก็ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมแพทย์แผนไทยได้เร่งทำสัญญากับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและชาวบ้าน
ซึ่งอีกไม่นานชาวบ้านก็ปลูกได้ด้วยตนเองภายในครัวเรือน ก็สามารถนำมาขายให้กับกรมการแพทย์แผนไทยได้ คล้ายๆ กับรูปแบบคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง ที่การันตีว่าหากปลูกแล้วจะมีตลาดรับซื้ออย่างแน่นอน
“กัญชาเป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่เราสามารถสร้างรายได้จากทุกส่วนของลำต้น ตั้งแต่รากไปจนถึงดอก ซึ่งเราจะเดินหน้าให้ความรู้เรื่องกัญชาให้กับประชาชนในทุกเขตสุขภาพ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 13 เขตสุขภาพ ขณะนี้ลงพื้นที่ไปแล้วทั้งหมด 4 เขตสุขภาพ” นายอนุทินกล่าวและว่า
ปัจจุบันพืชกัญชาไม่ใช่พืชทางเกษตรกรรมที่เอามาใช้ในรูปแบบของภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้น เพราะขณะนี้บริษัทลงทุนต่างๆ ผู้ประกอบการต่างๆ ที่เป็นรูปเชิงอุตสาหกรรมในระดับข้ามชาติก็ติดต่อมาขอใบอนุญาตกับทางกระทรวงสาธารณสุขจำนวนมาก มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกัญชาออกมาสู่ท้องตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและพี่น้องประชาชนได้มากขึ้น หลังจากที่เราได้มีการปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติดแล้ว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน จังหวัด และประเทศได้ในอนาคต
นายอนุทินยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จับกุม 2 ยาย ชาว ต.โคกสูง ที่ปลูกกัญชา 1 ต้น เพื่อใช้รักษาโรคว่า กรณีดังกล่าวได้ทำความเข้าใจกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้มาชี้แจงกับทางคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข ที่สภาผู้แทนราษฎร โดยได้มีการกำหนดแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้รักษากฎหมายจับกุมกัญชา ให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ ควบคู่กับหลักนิติศาสตร์ โดยให้พิจารณาว่าหากชาวบ้านปลูกกัญชาไว้ใช้ในครัวเรือน ไม่ได้เอาไปทำให้เกิดโทษ ก็ขอให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ในการพิจารณาให้มากขึ้น
แต่ประชาชนเองก็ไม่ใช่ว่าจะฉวยโอกาสนี้ไปในทางที่ผิด ซึ่งกรณีการจับกุม 2 ยายชาว อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เป็นดุลพินิจของศาล แต่ในแง่ของการช่วยเหลือเยียวยา ทางผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นก็ได้ให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเยียวยาแล้ว
อยากแนะนำประชาชนที่ต้องการปลูกกัญชาในห่วงเวลา 120 วันนี้ โดยไม่ผิดกฎหมายว่า อย่านำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การนำไปเสพจนเกิดการมึนเมา จนสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น อย่าทำเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ดี และคนในสังคมก็จะเห็นว่าพอใช้แล้วก็ยังเป็นโทษอยู่ ก็จะทำให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ในกัญชาถูกห้ามไปด้วย วันนี้ขอย้ำว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว กฎหมายใหญ่บอกไว้แล้วว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เพียงแต่ว่ามันมีบทเฉพาะกาลว่า ให้รอ 120 วัน ถึงจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการถึงจะสามารถปลูกตามบ้านได้