พระนครศรีอยุธยา - คนร้ายงัดตู้ ATM ของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาธุรกิจยานยนต์อยุธยา ตรวจสอบตู้ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนตัวเซฟเก็บเงินเติมล่าสุด 16 มีนาคม 4.9 ล้านบาท คนร้ายไม่สามารถงัดเข้าไปได้
คนร้ายเหิมเกริมใช้มีดงัดตู้เอทีเอ็มช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (31 มี.ค.) พ.ต.ต.ธงชัย แก้วจรูญ สว.(สอบสวน ) สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาธุรกิจยานยนต์อยุธยา ว่า มีคนร้ายมางัดตู้ ATM ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดบนถนนโรจนะ บริเวณข้างธนาคารกรุงศรีออโต้ สาขาธุรกิจยานยนต์อยุธยา ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรายงาน พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.วีระวุฒิ มีไล้ รอง ผกก.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานรุดไปตรวจสอบ
ต่อมา เวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พบมีร่องรอย ถูกทุบ ถูกงัด จนหน้าจอแตก สายไฟแผงวงจร กระจายเกลื่อน ช่องรับเงินถูกงัด พังเสียหาย ที่พื้นหน้าตู้เอทีเอ็ม พบ มีดปอกผลไม้ด้ามสีแดง พบม้วนกระดาษสลิปเอทีเอ็ม ตกกระจายเกลื่อน คีย์บอร์ด นอกจากนี้ยังพบท่อนเล็กสภาพหักงอตกอยู่ใกล้กับที่เหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมเก็บลายนิ้วมือแฝง ตรวจสอบในเบื้องต้นคนร้ายไม่สามารถนำเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็มไปได้ ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารเข้าเปิดตู้ตรวจสอบอีกครั้ง
นายสมชาย ศิริกุลวดี เจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบตู้เอทีเอ็ม กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบเอกสารของเจ้าหน้าที่นำเงินมาบรรจุ เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา จำนวน 4,900,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบตู้คนร้ายได้ทำลายตู้จนเสียหายทั้งหมด ส่วนในเซฟช่องบรรจุเงินไว้ถูกงัดจนเสียหายไม่สามารถไขเปิดดูจำนวนเงินที่เหลือด้านในได้ แต่เชื่อว่าคนร้ายไม่สามารถได้เงินไป ต้องรอเจ้าหน้าที่เฉพาะทางมาเปิดอีกครั้ง ส่วนมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้
ด้าน พ.ต.ท.วีระวุฒิ มีไล้ รอง ผกก.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจำนวนภายในเหลือเท่าไหร่ เพราะระบบเสียทั้งหมด แต่จากที่ดูเบื้องต้นแล้วไม่สามารถได้เงินไป อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบยอดเงินถอนออก ซึ่งจะตรงกับที่ใส่เข้าไปล่าสุด ในส่วนกล้องวงจรปิดต้องประสานสาขาของตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกหาข่าว หาข้อมูลรวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบเพื่อเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
