สุรินทร์ - ผู้ว่าฯ สุรินทร์ออกหนังสือแจ้งเตือนบุคคลแอบอ้างเป็นองค์หญิงกัมพูชา ให้ ผกก.ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์และนายอำเภอทุกอำเภอติดตามเฝ้าระวังใกล้ชิดการแอบอ้างเข้าไทย หลัง สตช.แจ้งเรื่องมา ก.มหาดไทย ชี้เป็นเจ้าเดิมเคยแอบอ้างเมื่อปี 60 ขณะองค์หญิงราชวงศ์กัมพูชาพระองค์จริงที่ทรงพำนักในสุรินทร์ส่งพระสหายคนสนิทยืนยัน ไม่รู้จักบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าว
วันนี้ (30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกหนังสือ ที่ สร 0017.3/ว1625 เรื่อง การแอบอ้างเป็นสมาชิกราชวงศ์กัมพูชา ลงวันที่ 29 มี.ค. 2565 โดยภายในหนังสือมีข้อความว่า เรียนผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ และนายอำเภอทุกอำเภอ สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาหนังสือเดินทางและรูปภาพ ด้วยกระทรวงมหาดไทยได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยของ “พระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม” สมาชิกพระราชวงศ์กัมพูชา ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2565
จากการตรวจสอบข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ พบว่าไม่มีสมาชิกราชวงศ์กัมพูชาที่ทรงใช้พระนามว่า “พระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม” อีกทั้งบุคคลที่อ้างตนเป็นพระองค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม ยังมีหน้าตาเหมือนกับบุคคลที่แอบอ้างตนเป็น พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา ที่เดินทางมาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยหนังสือเดินทางบุคคลดังกล่าวเป็นหนังสือเดินทางธรรมดา ระบุชื่อว่า Kosomaktevy Pich ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับคำขอ Thailand Pass เพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศยานของบุคคลดังกล่าว
จังหวัดสุรินทร์จึงขอให้ท่านเฝ้าระวังบุคคลดังกล่าวไม่ให้แอบอ้างเพื่อให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษ และให้ปฏิบัติตามแนวทางการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กำหนดโดยเคร่งครัด และติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบต่อไป ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
ล่าสุดวันนี้ (30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ประสานกับ นายเทวี ยิ้มชื่น ซึ่งเป็นชาว จ.สุรินทร์ และเป็นพระสหายคนสนิทของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต ราชวงศ์นโรดม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และเป็นพระสหายคนสนิทที่ติดตามทุกภารกิจของพระองค์ ได้เปิดเผยที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ว่า ตามที่มีข่าวเรื่องการเฝ้าระวังและมีบุคคลแอบอ้างกับเชื้อพระวงศ์ฝั่งกัมพูชา ที่มารับรางวัลในประเทศไทยในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. 65 ที่ผ่านมานั้น
พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา ซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์จริง ทรงพำนักทั้งฝั่งกัมพูชาและขึ้นลงมาประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สุรินทร์และอีสานใต้ เพื่อทรงประกอบพระกรณียกิจส่วนพระองค์อย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่พระองค์ที่ขึ้นป้ายรับรางวัลที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18-19 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ชื่อที่ขึ้นป้ายดังกล่าวก็ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีเชื้อสายหรือเป็นพระองค์จริงทางกัมพูชาแน่ชัดหรือไม่อย่างไร และก็ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักมาก่อน
“แต่ขอยืนยันว่า พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา ซึ่งตอนนี้พระองค์ทรงพำนักในพื้นที่ จ.สุรินทร์มาหลายปีแล้ว และพระองค์ก็ทรงเป็นรัชทายาททางฝั่งกัมพูชา ทั้งจะทรงประกอบพระกรณียกิจขึ้นลงทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาอยู่เป็นประจำ และพระองค์ไม่ได้เสด็จฯ ไปทรงรับรางวัลที่ กทม.ดังกล่าว และไม่เกี่ยวข้องกันกับงานดังกล่าวแต่อย่างใด” นายเทวี ยิ้มชื่น กล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากนายเทวี ยิ้มชื่น พระสหายคนสนิทของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา โดยพบว่าเป็นภาพป้ายประชาสัมพันธ์ของกิจกรรมหนึ่งของบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ของกัมพูชา โดยได้มีการส่งผ่านระบบไลน์ในมือถือให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งพบมีภาพบุคคลดังกล่าวและพิมพ์ระบุข้อความว่า “องค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม จากประเทศกัมพูชา” กาลาดินเนอร์ปาร์ตี้หมวกสวยการกุศล รับประทานอาหารบนโต๊ะเสวย เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ร่วมกับ (มีการปกปิดสงวนภาพบุคคลไว้ในกรอบวงกลมสีเหลือง และไม่ระบุชื่อ) วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2565 เวลา 17.30 น.เป็นต้นไป ณ ร้านอาหารไทรงาม (ครัวชุมสาย) ซอยราชครู จัดโดย สมาคมสตรีไทยสากล อีกด้วย
และยังมีภาพข้อความอีก 1 ชุดระบุข้อความว่า “ขอเชิญเฝ้าฯ รับเสด็จ องค์หญิงโกโสมะ เตวี นโรดม สมาคมสตรีไทยสากลและพสกนิกรชาวไทยขอต้อนรับ เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ในงานสตรีไทย สานสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2565 ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี”
ทั้งนี้ยังทราบข้อมูลอีกว่า มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ดังกล่าวไปแล้วบางจุดที่ กทม.อีกด้วย แต่งานกิจกรรมดังกล่าวก็ถูกยกเลิกก่อนและไม่ได้ถูกจัดขึ้นแต่อย่างใด และมาทราบทีหลังว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตามจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาในหลายจุดไม่อนุญาตให้บุคคลดังกล่าวข้ามแดนมาฝั่งไทยเพื่อเข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าว
จึงเป็นที่มาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบ จนมีคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้ออกหนังสือประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกอำเภอได้ช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้บุคคลดังกล่าวที่แอบอ้างว่าเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของกัมพูชา เพื่อเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
สำหรับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา เมื่อปี 2561 เคยมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ กรณีที่มีผู้แอบอ้างว่าเป็น “พระมหากษัตริยานี พระสีสุวัต กุสุมะ มุนีรัตนา” พระมารดาแห่งสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ซึ่งเสด็จสวรรคตไปเมื่อปลายทศวรรษที่ 70 ได้เสด็จฯ เข้ามาทรงพำนักในประเทศไทย ทรงประกอบกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนไทยอยู่บ่อยครั้งทีเดียว ทางการกัมพูชาจึงมีการประกาศ ขออย่าให้ชาวกัมพูชาอย่าได้หลงเชื่อคำแอบอ้างดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะพระองค์จริงได้สวรรคตไปเมื่อปลายทศวรรษที่ 70 แล้ว
ขณะนั้นโลกโซเชียลมีเดียยังได้มีการนำภาพนิ่งของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ เพชรทาวี พระปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา, พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ โสมากะริทาริกา และ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ไปประกอบข่าวการแอบอ้างจากกัมพูชาดังกล่าว จึงยิ่งทำให้ประชาชนชาวไทยที่เห็นและเกิดความเข้าใจผิดว่าทั้งสามพระองค์ที่เสด็จฯ มาทรงร่วมกิจกรรมทำบุญตามวัดวาอารามในพื้นที่จังหวัดชายแดนอีสานใต้อยู่บ่อยครั้งนั้นเป็นตัวปลอม และคราวนั้นพระองค์ก็ได้ทรงชี้แจงถึงข้อเท็จจริงไปแล้วตามที่เป็นข่าว
สำหรับพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ เพชรทาวี มีศักดิ์เป็นน้าของ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ โสมากะริทาริกา และ พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตนา แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่ทรงพำนักใน จ.สุรินทร์ นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเชื้อสายราชวงศ์กัมพูชา เชื้อสายพระวงศ์สกุล “สีสุวัตถิ์” จริง