เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 แบบครอบจักรวาล พร้อมเร่งสร้างภูมิคุ้มกันกระตุ้นวัคซีนเข็ม 3 รองรับการเปิดจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยวและเทศกาลสงกรานต์ ด้านนายแพทย์ สสจ.ยืนยันไม่ขาดแคลน “ฟาวิพิราเวียร์” ตามกระแสข่าว แต่ปรับลดการจ่ายยาลงตามสถานการณ์และเชื้อสายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่มีความรุนแรงน้อย รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยทั้งยืนยันและเข้าข่ายรวมกันยังอยู่ในระดับวันละประมาณ 4,000 ราย
บ่ายวันนี้ (24 มี.ค. 65) ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และมาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ติดเชื้อยืนยัน (RT-PCR) เฉลี่ย 14 วัน จำนวน 370 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) เฉลี่ย 14 วัน จำนวน 3,585 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อที่รักษาหายสูงถึง 6,366 ราย ส่วนผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษา กว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว คือไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย และยังคงเป็นการรักษาด้วยระบบ HI และ OP-SI เป็นหลัก ส่วนข้อมูลการฉีดวัคซีนสำหรับประชากรในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 1.7 ล้านคน ปัจจุบันได้รับวัคซีนเข็ม 2 แล้วจำนวน 1,559,766 ราย คิดเป็นร้อยละ 90.19 เข็ม 3 จำนวน 578,412 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.91 ของเป้าหมายผู้รับวัคซีนเข็ม 2 ที่ครบตามระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างคำสั่ง และมาตรการรองรับการเปิดพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว รวมทั้งมาตรการป้องกันโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะยึดตามข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส 2019 งดการเล่นสาดน้ำ และเน้นการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม เช่น รดน้ำดำหัว สรงน้ำพระ มีการตั้งจุดคัดกรอง จุดบริการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน พร้อมทั้งให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด และสังเกตอาการตนเอง หากพบว่ามีอาการสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ให้ตรวจหาเชื้อด้วย ATK ทันที พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนจำนวนมากโดยไม่จำเป็นขณะที่อยู่ระหว่างการสังเกตอาการ
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้เน้นย้ำและขอความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 โดยเร็วให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เตรียมพร้อมรับการเปิดจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และรองรับกิจกรรมรวมญาติในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างปลอดภัย
ด้าน นายแพทย์ จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ชี้แจงแนวทางการปรับวิธีการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยลดการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ว่า ที่ผ่านมาการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์เดลตามีความรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูงจึงจำเป็นต้องจ่ายยาต้านไวรัสให้ผู้ติดเชื้อยืนยันโดยเร็ว ขณะที่สายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดในขณะนี้พบว่าไม่ส่งผลให้มีอาการรุนแรง ซึ่งผู้มีผล ATK เป็นบวกหลายรายไม่มีอาการ จึงต้องปรับวิธีการรักษาตามสถานการณ์และอาการของผู้ติดเชื้อเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยป้องกันการดื้อยาฟาวิพิราเวียร์และผลกระทบที่เกิดแก่ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต หรือหญิงตั้งครรภ์ในระยะแรก ที่อาจจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ เนื่องจากยาทุกชนิดมีความเสี่ยงและมีผลกระทบต่อร่างกาย และยืนยันว่าไม่ได้ขาดแคลนยาต้านไวรัสดังที่มีการพูดถึงในสังคมออนไลน์แต่อย่างใด ทั้งนี้ หากผู้ป่วยต้องการรับยาฟาวิพิราเวียร์นอกเหนือคำแนะนำของแพทย์ จะต้องมีการบันทึกข้อมูลการรักษาไว้เพื่อประกอบการรักษาหากเกิดกรณีฉุกเฉินในภายหลังด้วย