เชียงใหม่ - “นิพนธ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยกคณะขึ้นเชียงใหม่นำร่วมทำแนวกันไฟ สร้างจิตสำนึกปกป้องป่าจากไฟป่า สั่ง ปภ. ส่งเฮลิคอปเตอร์เตรียมความพร้อมในพื้นที่ กำชับทุกหน่วยงานบูรณาการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (18 มี.ค. 65) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจัดทำแนวกันไฟร่วมกับชุดปฏิบัติการอาสาสมัครป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน อำเภอหางดง พร้อมร่วมจัดทำแนวกันไฟ และตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยมี นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ นายอำเภอหางดง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย
นายนิพนธ์ และคณะ ได้เดินทางไปยังพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกันนี้ยังได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค และชุดปฏิบัติการอาสาสมัครป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน อำเภอหางดง และร่วมทำกิจกรรมสานพลังลงแรงทำแนวกันไฟ สร้างจิตสำนึกในการปกป้องผืนป่าจากไฟป่า นำกลุ่มอาสาสมัครป้องกันการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าอำเภอหางดง จำนวนกว่า 150 คน ร่วมเป็นจิตอาสาภัยพิบัติ พร้อมอุปกรณ์/เครื่องไม้เครื่องมือ ลงพื้นที่เดินเท้าเข้าป่าทำแนวกันไฟบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยหอ โดยการรวมตัวทำกิจกรรมครั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดทีมวิทยากรทำการชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่จิตอาสาถึงวิธีการทำแนวกันไฟที่ถูกต้อง ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกัน หรือชะลอไฟที่อาจจะลุกลามไปยังจุดอื่นๆ ได้
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัดพื้นที่เสี่ยงที่ต้องประสบกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นประจำทุกปี เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าแล้ง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน แม้ว่าในปีนี้ปัญหามลพิษทางอากาศ หมอกควันจากไฟป่า จะเบาบางกว่าหลายปีที่ผ่านมา แต่พื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระหว่างอย่างสูงในการป้องกันไฟป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ท่าช้าง-แม่ขนิน และอุทยานแห่งชาติออบขาน ซึ่งต้องบูรณาการการแก้ปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป้าหมายการดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ไฟป่า หมอกควัน) จังหวัดเชียงใหม่ปี 2565 มีเป้าหมายลดจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้ ลดลง 20% ประกอบด้วย 1) Hotspot เฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง จำนวน 15,531 จุด เป้าหมาย ไม่เกิน 12,424 จุด 2) พื้นที่เผาไหม้ เฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง จำนวน 1,046,902 ไร่ เป้าหมายไม่เกิน 837,521 ไร่ 3) ค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน เฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง จำนวน 77 วัน เป้าหมาย ไม่เกิน 62 วัน 4) ค่า PM 2.5 สูงสุด เฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง ค่า 256
ในส่วนของมาตรการที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการ ดังนี้ 1) อำเภอทั้ง 25 อำเภอ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฉีดพ่นละอองน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้อากาศ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละออง โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำในพื้นที่ต่างๆ ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ จำนวน 6 จุด 2) เพิ่มชุดปฏิบัติการลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยง และรอยต่อที่อาจก่อให้เกิดไฟป่า เพิ่มความถี่ในการออกลาดตระเวน โดยให้มีการสับเปลี่ยนกำลังพลหมุนเวียนกันออกลาดตระเวน ทั้งหน่วยงานหลัก และหน่วยงานในพื้นที่ จิตอาสา รวมถึงการเข้าดับไฟในพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนอย่างเร่งด่วน โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเป็นหลัก 3) การห้ามไม่ให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในเขตพื้นที่ป่าโดยเด็ดขาด ยกเว้นการบริหารจัดการเชื้อเพลิงเฉพาะเขตพื้นที่การเกษตรตามความจำเป็นในการดำรงชีพ โดยใช้วิธี การชิงเก็บ ลดการเผา แปรรูป ใบไม้ และเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร จำหน่าย หรือทำเป็นเชื้อเพลิงและเชื้อเพลิงอัดแท่น 4) มีแผนปฏิบัติการฯ และกำหนดเป้าหมายในการลดจุดความร้อน (Hotspot) รายสัปดาห์โดยการคำนวณจากฐานลดลงร้อยละ 80 จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 5) สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่กวดขัน ตรวจจับรถควันดำ ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (สัปดาห์ละ 4 วัน) และออกตรวจวัดควันดำในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ทุกวันอังคาร ผลการดำเนินการตั้งแต่ตุลาคม 2564-7 มีนาคม 2565 ตรวจรถทั้งสิ้นจำนวน 76,748 คัน ไม่ผ่านเกณฑ์ 1,113 คัน
ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ปัจจุบันในหลายๆ พื้นที่ตามอำเภอต่างๆ ได้เริ่มประสบกับปัญหาอัคคีภัยและไฟป่าบ้างแล้ว แต่โดยส่วนใหญ่สถานการณ์ไม่รุนแรง เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบได้มีการเข้มงวดกวดขันอย่างต่อเนื่อง พร้อมเข้าทำการดับไฟทันทีที่มีเหตุรายงาน รวมถึงได้มีการเฝ้าระวังกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ร่วมกับทำการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเข้าถึงประชาชนในทุกชุมชนพื้นที่ และให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวัง ตลอดจนได้ใช้มาตรการเข้มข้นเอาจริงกับผู้กระทำผิด ทำให้สถานการณ์หมอกควันในภาพรวมทั้งจังหวัดยังอยู่ในระดับทรงตัว
นายนิพนธ์กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนของรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี วันนี้ได้ลงมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลด่านหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ซึ่งภารกิจในการดูแลไฟป่า การแก้ปัญหาหมอกควัน เป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการเป็นประจำในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนของทุกปี ทราบว่าจังหวัดเชียงใหม่ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม ที่ได้สนับสนุนกำลังพลทหาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ลงไปจนถึงหน่วยงานระดับพื้นที่ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยเอง มีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งมีภารกิจป้องกันภัยร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถเช่นกัน ในการออกภารกิจทุกครั้ง สิ่งสำคัญต้องระมัดระวัง ไม่ประมาทจนก่อให้เกิดการสูญเสียกำลังพล ก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ควรมีการเตรียมการวางแผน มอบหมายงานทุกครั้ง
นอกจากนี้ นายนิพนธ์กล่าวต่อไปอีกว่า รัฐบาลเองมีนโยบายแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด รวมถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นผลกระทบตามมา ซึ่งสาเหตุอีกส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเผาป่า เกิดจากความเชื่อของประชาชนในพื้นที่ที่ยังคงมีความเชื่อผิดๆ เรื่องการเผาป่า ตนได้เน้นย้ำนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ให้มีการเฝ้าระวัง ออกลาดตระเวน และเตรียมความพร้อมในการเข้าไปดับไฟ และที่สำคัญที่สุดจะต้องลงพื้นที่ไปพูดคุยทำความเข้าใจ สร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ในการงด หรือเลิกการเผา เชื่อว่าจะทำให้การแก้ไขปัญหาประสบความสำเร็จ โดยตนมองว่าปัญหาดังกล่าวต้องมีการดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ก็จะต้องบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่ในการแก้ปัญหา สั่งการ ควบคุมและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันที่เกิดขึ้นให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จะบูรณาการหน่วยงานแก้ไขปัญหาร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทั้งนี้ ตนในฐานะกำกับดูแลกรม ปภ. ได้สั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมสรรพกำลังทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกำลังพลเจ้าหน้าที่ รวมไปจนถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งจะเคลื่อนย้ายมาประจำการที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 22 มีนาคมนี้ หากพื้นที่มีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนก็ให้เร่งประสานไปยัง ปภ. กรณีเกิดไฟป่าเกิดขึ้น จะได้แก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที โดยเชื่อมั่นว่าปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองในปีนี้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย จึงถือโอกาสนี้ในการขอบคุณทุกภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในท้องที่ ท้องถิ่น รวมถึงภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสาทุกท่าน ที่ได้เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ร่วมกันแก้ปัญหานี้