ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินหน้าประชุมคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงพื้นที่ 3 โซน
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ สมาคมท่องเที่ยวชุมชน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ สภาวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบฯ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมประชุม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2566-2570) และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ทั้งนี้ จากข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ย้อนหลัง 3 ปี พบว่า ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 7,168,424 คน เป็นชาวไทย 5,924,708 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 28,601 ล้านบาท ชาวต่างชาติ 1,243,443 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 13,790 ล้านบาท ปี 2563 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 4,108,941 คน เป็นชาวไทย 3,920,292 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 16,135 ล้านบาท ชาวต่างชาติ 188,649 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 1,885 ล้านบาท และปี 2564 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 2,677,116 คน เป็นชาวไทย 2,673,519 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 10,494 ล้านบาท ชาวต่างชาติ 3,597 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 36 ล้านบาท พบว่าในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมาทั้งรายได้และนักท่องเที่ยวลดลงจำนวนมาก
นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น จังหวัดจึงต้องเร่งหาแนวทางเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้กลับมาสร้างรายได้อีกครั้ง โดยเชื่อว่าหากมีการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นแล้วจะมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยจากนี้ทุกอำเภอจะต้องสำรวจค้นหาจุดเด่น อัตลักษณ์ของพื้นที่ พร้อมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาสินค้าในชุมชนท้องถิ่นที่มีความน่าสนใจ จากนั้นจึงจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงตามศักยภาพของกลุ่มอำเภอแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ หัวหิน-ปราณบุรี สามร้อยยอด-กุยบุรี-เมืองประจวบคีรีขันธ์ ทับสะแก-บางสะพาน-บางสะพานน้อย มุ่งเน้นให้เกิดการท่องเที่ยวแบบพักค้างแรมอย่างน้อย 1-2 คืน ให้นักท่องเที่ยวมีระยะเวลาการใช้จ่ายอยู่ในพื้นที่นานขึ้นและกระจายตัวไปในอำเภอต่างๆ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงครอบคลุมทั้งจังหวัด
โดยจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการจัดประชุมกลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดเห็นให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดทำโปรแกรมแกรมการท่องเที่ยวตามศักยภาพของกลุ่มอำเภอทั้ง 3 โซนดังกล่าว โดยเน้นการจัดทำกิจกรรมที่ตอบสนองนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างๆ ได้แก่ กลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในการเดินทางแบบจำกัดด้วยกลุ่มครอบครัว นิยมเที่ยวแวะพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ กลุ่ม CSR ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม กลุ่มนักศึกษา วัยทำงาน หรือกลุ่ม GEN Y นิยมจะเดินทางคนเดียวหรือเดินทางกับเพื่อน กล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตัวเอง ชอบความสะดวกรวดเร็วและใช้สื่อสังคมออนไลน์ และกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มวัยเกษียณมีกำลังซื้อจากเงินเก็บหรือบำนาญ
นอกจากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังได้พิจารณาแนวทางการออกแบบจัดทำมาสคอตเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเบื้องต้นได้เลือกค่างแว่นถิ่นใต้ เป็นมาสคอตส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด เพราะเป็นสัตว์ที่พบได้ในพื้นที่ มีลักษณะนิสัยซุกซน ขี้อาย เป็นสัตว์สังคม มีความน่ารักและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว โดยจะมีการจัดกิจกรรมประกวดออกแบบมาสคอตค่างแว่น และให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกต่อไป