ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชี้ชะตา “คุณปลื้ม” สู้ศึกเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา ลงสนามครั้งนี้เจอหนักทั้ง “ธนาธร” จากก้าวไกล และ “นิรันดร์” อดีตนายกฯ ถึงเวลาวัดศักดิ์ศรี-วัดใจประชาชน
นับเวลาถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วันจะมีการประกาศกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจาก กกต.หลังวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ยื่นเรื่องเสนอต่อที่ประชุม ครม.เพื่อขอความเห็นชอบในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และนายกเมืองพัทยาอย่างเป็นทางการ หลังชาวเมืองพัทยาห่างเหินจากการเลือกตั้งท้องถิ่นมาตั้งแต่ปี 2555 หรือกว่า 10 ปี ตั้งแต่หลังสิ้นยุคของ นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาที่มาจากการเลือกตั้งคนสุดท้าย
จากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นเพียงตำแหน่งรักษาการโดยปลัดเมืองพัทยา และการแต่งตั้งตามอำนาจ คสช.ในปี 2560 ให้แก่ พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี และนายสนธยา คุณปลื้ม ในปี 2561 จนถึงปัจจุบัน
เป็นที่ลุ้นกันมาอย่างต่อเนื่องว่าเมื่อไรจะถึงเวลาของการเลือกตั้งท้องถิ่นเสียที โดยเมืองพัทยา แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก โดยมีพื้นที่บนบกเพียง 54 ตาราง กม. แต่ถือว่าเป็น “เพชรเม็ดงาม” แห่งดินแดนบูรพา ด้วยมีความสมบูรณ์ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวมากขึ้น
จากปัจจัยนี้เองที่ทำให้เมืองพัทยา มีนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นในทุกปี สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศนับแสนล้านบาทต่อปี ก่อนจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้เมืองพัทยาเงียบเหงาลง อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก และถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางทางการลงทุนและการท่องเที่ยวในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่รวมเอา 3 จังหวัดหลัก ทั้งชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ไว้ในโครงการ
ขณะที่รัฐบาลได้ผลักดันงบประมาณนับหมื่นล้านบาทให้เข้ามาพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่เมืองพัทยาซึ่งเป็นเมืองที่มีการปกครองในรูปแบบพิเศษที่มีงบประมาณนับพันล้านบาทต่อปี จึงถือเป็นพื้นที่สำคัญที่กลุ่มการเมืองต่างๆ มีความต้องการให้เป็นพื้นที่ฐานสำคัญหลักของการเมืองในจังหวัดชลบุรี
และในวันนี้เริ่มพบว่ามีความเคลื่อนไหวและแรงกระเพื่อมแรงจากการเปิดตัวกันในหลายกลุ่ม หลายทีมงาน เช่น “ทีมจากคณะก้าวไกล” ที่มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นแกนนำ และประกาศจะส่งผู้สมัครนายกเมืองพัทยา และสมาชิกสภาเมืองพัทยาลงชิงชัยในการเลือกตั้งหนนี้ครบทุกกตำแหน่งแน่นอน โดยอาศัยความเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง และการทำงานแบบโปร่งใส มีวิสัยทัศน์จูงใจคนรุ่นใหม่
ขณะที่อีกทีมคือ อดีตนายกเมืองพัทยา อย่าง “นิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร” ในนามแกนนำทีมการเมืองกลุ่มใหม่อย่าง “พัทยาร่วมใจ” หรือ “Nirun Return” ที่ประกาศชัดเจนว่าได้แยกตัวจากซุ้มบ้านใหญ่ แม้จะเคยลงสมัครในนามกลุ่มบ้านใหญ่มาก่อนจนเป็นนายกเมืองพัทยา ตั้งแต่ปี 2547 ด้วยจะขอประกาศยุติบทบาททางการเมือง
แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนผ่านและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่มนักธุรกิจไฟแรง หรือนักการเมืองรุ่นใหม่หลายคน ซึ่งต่อมาระบุว่ารับเรื่องและปัญหาร้องเรียนมามาก จนดูจะไม่พออกพอใจกับการบริหารในปัจจุบัน สุดท้ายต้องฝืนกลืนน้ำลายกลับมาลงสมัครแข่งขันอีกในครั้งนี้
โดยชี้ว่ามีความจำเป็นต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อต้องการให้เมืองพัทยาถูกแก้ไข จัดการ พัฒนาโดยคนท้องถิ่นที่เข้าใจปัญหาอย่างเข้าถึง ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ได้ใจประชาชนและมีการพูดถึงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ตามสโลแกน “ชาวพัทยาคือผู้ชี้ชะตาการเปลี่ยนแปลง โดยท้องถิ่นต้องเป็นเรื่องของคนท้องถิ่น”
ขณะเจ้าของพื้นที่อย่าง “สนธยา คุณปลื้ม” พี่ใหญ่แห่งตระกูลคุณปลื้ม และแกนนำกลุ่มการเมืองในซุ้มบางแสน ที่แม้จะประกาศความพร้อมของทีมบ้านใหญ่ แต่ยังไม่มีการประกาศชัดเจนว่าจะลงสมัครนายกเมืองพัทยา หรือส่งใครลงสมัครกันแน่
ด้วยมีกระแสข่าวว่า “สนธยา” อาจจะกลับมาลงการเมืองระดับชาติอีกครั้ง โดยจะส่ง “ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์” บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ของ “สันต์ศักดิ์ จรูญ งามพิเชษฐ์” อดีต รมช.สาธารณสุขลงมาสมัครแทน แม้การเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2562 ที่ผ่านมาจะพ่ายให้ ส.ส.หน้าใหม่จากพรรคอนาคตใหม่ไปอย่างคาดไม่ถึง