xs
xsm
sm
md
lg

เจอเตะตัดขารุมจับทันควัน! หนุ่มหนองคายชิงทองกลางห้างฯ ดังตาคลี อ้างหาเงินค่ารถกลับไปหาลูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครสวรรค์ - เกิดเหตุคนร้ายบุกชิงทองถี่ยิบ..ล่าสุดหนุ่มหนองคายนั่งรถไฟไปหางานถึงตาคลี-นครสวรรค์ แต่ไม่มีงาน คิดสั้นเดิน 7 กิโลฯ จากสถานีรถไฟไปร้านทองบนห้างฯ ใหญ่ ทำทีเป็นลูกค้าก่อนฉวยโอกาสชิงสร้อยวิ่งหนี แต่ไม่รอดเจอ พนง.เตะตัดขา พลเมืองดีรุมจับทันที


วันนี้ (4 มี.ค. 65) ร.ต.อ.หญิง กัญญ์วรา แจ้งสว่าง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ได้รับแจ้งว่ากลุ่มพลเมืองดีสามารถจับกุมตัวคนร้ายก่อเหตุชิงทอง ห้างทองอยากมีตัง ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขา อ.ตาคลี จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในสังกัด

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่ากลุ่มพลเมืองดีได้ควบคุมตัวคนร้าย คือ นายฝน ภาษิต อายุ 38 ปี ชาว อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ไว้ได้ พร้อมของกลางสร้อยทองคำน้ำหนัก 1 บาท 1 เส้น โดยคนร้ายอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อยีนส์ ใส่หน้ากากอนามัยสีดำ สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า แต่ไม่มีอาวุธในการก่อเหตุแต่อย่างใด

จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายได้ทำทีเข้ามาขอดูสร้อยทองที่ห้างทองอยากมีตัง ถึง 2 รอบ ก่อนที่จะใช้จังหวะช่วงพนักงานเผลอ รีบชิงสร้อยทองหนัก 1 บาท 1 เส้นออกไป แต่ระหว่างที่วิ่งหลบหนีออกไปทางหน้าห้างสรรพสินค้า ได้ถูกพนักงานร้านทองรายหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ เข้าเตะตัดขาคนร้ายจนล้มคว่ำ ก่อนจะมีพลเมืองดีคนอื่นๆ มารุมช่วยกันจับตัวได้ในที่สุด


เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายฝน ผู้ต้องหาไปสอบปากคำที่ สภ.ตาคลี ซึ่งให้การรับสารภาพว่านั่งรถไฟมาอยู่ที่ อ.ตาคลี เพื่อหางานทำได้หลายวันแล้ว แต่ไม่มีงานให้ทำ ประกอบกับคิดถึงลูกมากด้วย แต่ไม่มีเงินกลับไปหาลูกที่ จ.หนองคาย จึงได้คิดสั้นตัดสินใจเดินเท้าจากสถานีรถไฟ ซึ่งอยู่ห่างจากห้างเทสโก้โลตัสประมาณ 7 กิโลเมตร ลงมือก่อเหตุชิงทองเพื่อจะนำไปขายแล้วจะซื้อตั๋วรถเดินทางกลับไปหาลูก

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายฝนกลับไปที่ห้างเทสโก้โลตัสเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาฐานชิงทรัพย์ต่อไป

ด้านพนักงานสาวห้างร้านทองที่เป็นผู้ที่ยื่นทองให้คนร้าย เปิดเผยว่า ขณะนั้นเห็นลักษณะคนร้ายรายนี้ดูมีพิรุธหลายอย่าง และเดินวนไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนจะเดินเข้ามาที่ร้านทอง และทำทีขอดูสร้อยทองน้ำหนัก 2 บาท 1 เส้น แล้วหลังจากนั้น คนร้ายก็บอกว่าจะขอออกไปถามภรรยานอกห้างฯ ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามา และขอดูสร้อยทองอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นตนเห็นว่าเริ่มดูมีพิรุธ จึงสะกิดบอกให้พนักงานชายของร้านทองออกไปสังเกตการณ์ชายคนนี้ที่นอกร้านไว้ก่อน 


“ในช่วงสุดท้าย คนร้ายบอกกับหนูว่าเขามีเงินอยู่แค่ 3 หมื่นบาท จึงได้เปลี่ยนไปหยิบสร้อยคอน้ำหนัก 1 บาทให้คนร้ายดู แต่ในระหว่างที่หนูเผลอ สิ่งที่คิดไว้ก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อคนร้ายรีบคว้าเอาทองหนัก 1 บาทวิ่งหนีออกไป ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมากที่หนูและทางห้างทองระวังตัวไว้อยู่แล้ว และพนักงานผู้ชายก็ได้เดินไปดักอยู่ที่หน้าห้าง จึงทำให้สามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ทัน”




กำลังโหลดความคิดเห็น