บุรีรัมย์ - หน่วยงานสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือครอบครัวหญิงวัย 41 ปี ป่วยซึมเศร้าถูกนายทุนฟ้องขับไล่ออกจากบ้าน เตรียมประสานขอไกล่เกลี่ยนายทุนเพื่อหาทางออก ด้านผู้ร้องเผยหลังมีหน่วยงานยื่นมือช่วยทำให้พอมีความหวัง แม้เหลือเวลาแค่ 2 วัน
วันนี้ (2 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่นางกชพร เจือจันทร์ อายุ 41 ปี ชาวอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีอาการป่วยซึมเศร้า ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากนำโฉนดที่ดิน 2 แปลง รวมทั้งหมด 18 ไร่ ไปทำสัญญาขายฝากไว้กับนายทุนรายหนึ่งในราคา 1,050,000 บาท เมื่อปลายปี 2557 เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ธนาคาร แต่ต่อมาพบว่านายทุนได้ระบุยอดขายฝากในสัญญาเป็น 1,500,000 บาท และพอปลายปี 2558 พบว่าที่ดินทั้ง 2 แปลงได้ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของนายทุนที่รับขายฝากไปแล้ว จากนั้นนายทุนให้ทำสัญญาเช่าอยู่อาศัยในบ้านของตัวเองเดือนละ 500 บาท แต่นางกชพรจ่ายค่าเช่าไม่ต่อเนื่องเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพทำงานไม่ได้ ทั้งมีภาระต้องดูแลแม่ที่ชราวัย 76 ปี ลูก 2 คน และหลานอีก 1 คนด้วย จนถูกนายทุนฟ้องขับไล่ออกจากบ้านที่อาศัยอยู่กับครอบครัว โดยศาลมีคำสั่งให้ย้ายออกจากบ้านภายในวันที่ 4 มี.ค. 65 ที่จะถึงนี้ ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดวันนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ประกอบด้วย นางทองทิพย์ ภูสีมา นักพัฒนาการสังคมชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย น.ส.รุ่งนภา ทองรักน้อย ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองบ้านกรวด, นางสุภาพร กัลยาพาณิช นายกกิ่งกาชาดอำเภอบ้านกรวด, นายทศพล พลรักษา ปลัดอำเภอบ้านกรวด, ผู้แทนจากเทศบาลตำบลบึงเจริญ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางกชพร ผู้ร้องเรียนเพื่อสอบถามรายละเอียดและข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นเพื่อจะได้หาแนวทางช่วยเหลือ
เบื้องต้นในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะช่วยเหลือผู้ประสบปัญหากรณีฉุกเฉินเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ 3,000 บาท ทั้งนี้ ในบ้านมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็จะมีเรื่องเงินสงเคราะห์ฯ ซึ่งต้องนำเรื่องเข้าคณะกรรมการฯ พิจารณาช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์อีกครั้ง ทั้งนี้ ภายในบ้านมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย แต่จากการตรวจสอบพบว่าได้รับเงินผู้สูงอายุตามสิทธิอยู่แล้ว แต่หากเกิดผลกระทบในระยะยาวที่จะต้องออกจากบ้านหลังดังกล่าวจริง ก็จะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเรื่องที่อยู่อาศัยต่อไป
ส่วนในกรณีที่ถูกนายทุนฟ้องขับไล่ออกจากบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันนั้นจะได้หาแนวทางประสานขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับนายทุนว่าพอมีทางออกอย่างไรได้บ้าง พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำให้ผู้เดือดร้อนไปร้องขอความช่วยเหลือ ที่สำนักอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ จะมีรถของเทศบาลช่วยอำนวยความสะดวกรับส่งให้เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกทางหนึ่ง
ด้านนางกชพรบอกว่า หลังจากมีหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ก็ทำให้พอมีความหวังแม้จะเหลือเวลาอีกแค่ 2 วันที่จะต้องออกจากบ้านตามคำสั่งศาลเพราะไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ไม่ทอดทิ้ง