เชียงใหม่ - ฝุ่นควันไฟป่าและมลพิษอากาศ PM 2.5 ภาคเหนือส่อเค้าแนวโน้มแรงขึ้นต่อเนื่อง พบเมืองเชียงใหม่มีหมอกควันสะสมปกคลุมทั่วนานนับสัปดาห์แล้ว และผลตรวจวัดคุณภาพอากาศขยับเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบสุขภาพ ขณะที่ค่ามลพิษอากาศพุ่งติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกแล้ว
วันนี้ (28 ก.พ. ) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากการเกิดไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ของภาคเหนือต่อเนื่องมาตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ปัญหาคุณภาพอากาศจากฝุ่นควันไฟป่าและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ และหลายพื้นที่เริ่มเกินค่ามมาตรฐาน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยในส่วนของตัวเมืองเชียงใหม่นั้น พบว่าทั่วทั้งตัวเมืองเริ่มถูกปกคลุมด้วยหมอกควันมองเห็นขมุกขมัวไปทั่วมานานนับสัปดาห์แล้ว
โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, อำเภอแม่แจ่ม และอำเภอเชียงดาว พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้อยู่ที่ 51 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 42 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 67 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 54 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 101, 67, 100, 142 และ 109 ตามลำดับ สูงกว่าค่ามาตรฐาน 100 โดยภาพรวมคุณภาพอากาศถือว่าอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ขณะที่เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 158 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 69.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อผู้ป่วยหรือร่างกายอ่อนแอ โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 10 ของเมืองที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ทั้งนี้ 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 เมือง Nur-Sultan ประเทศคาซัคสถาน ดัชนีคุณภาพอากาศ 244 US AQI, อันดับ 2 เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม 188 US AQI และอันดับ 3 เมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน 187 US AQI
