เชียงใหม่-นายแพทย์ สสจ.เชียงใหม่ เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ 8-10 คน ส่งผลยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง เน้นย้ำประชาชนเคร่งครัดมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล แจงกรณีการแยกรายงานยอดผู้ป่วยเพื่อสร้างความตระหนัก หากตรวจ RT-PCR พบผลบวกให้เป็นผู้ป่วยยืนยัน ส่วน ATK เป็นผู้ป่วยเข้าข่าย
วันนี้ (25 ก.พ. 65) นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าตามที่ประเทศไทยไทยได้ใช้นโยบาย Living with covid คือการสร้างสมดุลให้ใช้ชีวิตอยู่กับโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้พบว่า ในประเทศไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมีข้อมูลว่าผู้ติดเชื้อ 1 คน จะแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่นอีกประมาณ 8-10 คน และผู้ติดเชื้อกว่าร้อยละ 90 ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้พบว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่และยอดผู้รักษาหายอยู่ในระดับที่สมดุลกัน โดยการติดเชื้อรายวันของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีเขียว คือไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ส่วนผู้เสียชีวิตมีจำนวนเฉลี่ย 0-2 คนต่อวัน ขณะที่การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้ใช้ระบบ Home Isolation และ Community Isolation สำหรับผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว เพื่อสำรองเตียงในโรงพยาบาลหลักให้แก่ผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก ซึ่งขณะนี้มีเตียงคงเหลือรองรับผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ถึงร้อยละ 65
ส่วนกรณีที่มีการรายงานยอดผู้ป่วยโควิด-19 แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม PCR และกลุ่ม ATK นั้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 วิธี คือ วิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำ ค่าใช้จ่ายสูง ใช้เวลาตรวจนาน แต่ละครั้งตรวจได้จำนวนน้อยและต้องใช้เครื่องตรวจ จึงจะใช้วิธีนี้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหลัก และเรียกผู้ที่มีผลบวกว่า "ผู้ป่วยยืนยัน" อีกวิธีคือ ATK เป็นวิธีที่ตรวจโดยใช้แถบตรวจสำเร็จ ความแม่นยำปานกลาง ราคาถูก รู้ผลทันที ตรวจได้ในปริมาณมาก ตรวจได้ทุกที่ ไม่ต้องใช้เครื่องตรวจ ปัจจุบันใช้ในการตรวจภาคสนาม เน้นกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการ เนื่องจากมีปริมาณมากและสามารถตรวจได้ทุกที่ และเรียกผู้ที่มีผลบวกว่า "ผู้ป่วยเข้าข่าย" พร้อมให้การรักษาด้วยระบบ Home Isolation หรือ Community Isolation ได้ทันที ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ มีการรายงานยอดผู้ป่วยประจำวันจากการตรวจทั้ง 2 วิธี ให้ประชาชนทราบ เพื่อสร้างความตระหนักและป้องกันตนเอง
ทั้งนี้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เน้นย้ำให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ปฏิบัติตาม “มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล” อย่างเคร่งครัด คือการสวมหน้ากากอนามัย และการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ที่มีผลการวิจัยของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ แม้ว่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงป้องกันการติดเชื้อรุนแรงและเสียชีวิตได้ดี ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่วันนี้ พบผู้ติดเชื้อยืนยัน 270 ราย ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 2,529 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนั้น ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ฉีดไปแล้ว 1,593,914 โดส เข็มที่ 2 ฉีดไปแล้ว 1,548,054 โดส และเข็มที่ 3 ฉีดไปแล้ว 508,358 โดส