ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกเมืองพัทยาย้ำปัญหาโควิด-19 ต้องได้รับการแก้ไข สั่งเตรียมพร้อมสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ ก่อนประสานฝ่ายปกครอง สาธารณสุขลงพื้นที่สุ่มตรวจสถานบริการจริงจัง พบหย่อนยานลงโทษเด็ดขาดทันที
วันนี้ (23 ก.พ.) นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เผยถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในเมืองพัทยาและ จ.ชลบุรี ที่ยังคงมีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีมากถึง 1,379 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และยังคงพบการระบาดกระจายเกือบทุกอำเภอ ขณะที่ อ.บางละมุง มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 298 ราย ว่า เมืองพัทยาไม่ได้นิ่งนอนใจ
และได้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ชลบุรี รวมทั้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมของสถานที่ในการรองรับผู้ติดเชื้อ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการตามนโยบายของ ศบค.หรือภาครัฐทั้งเรื่อง Hospitel หรือ Home Isolation แต่เมืองพัทยา ยังสามารถจัดเจ้าหน้าที่ในการดูแลได้อย่างเพียงพอ
“สำหรับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พบว่า ส่วนหนึ่งมาจากความหย่อนยานด้านมาตรการควบคุมนักท่องเที่ยวของสถานบริการในเมืองพัทยา ซึ่งในเรื่องนี้ได้ประสานไปยังฝ่ายปกครอง และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในการลงพื้นที่กวดขันและตรวจสอบอย่างจริงจัง”
นายสนธยา ยังเผยอีกว่า เมือพัทยามีความพยายามในการป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ในสถานบันเทิงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเป็นเมืองท่องเที่ยว และได้ประกาศเตือนผู้ประกอบการตลอดเวลาว่าหากพบการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด จะมีการลงโทษอย่างเด็ดขาด
ส่วนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาช่วงภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ยังยืนยันว่าเมืองพัทยาจะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการวางแผนและตั้งงบประมาณ แต่ทุกขั้นตอนจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโรคที่เคร่งครัด
“ตามแผนแล้วในเดือน มี.ค.นี้จะมีการจัดกิจกรรม Pattaya Music Festival ตลอดทั้งเดือนเพื่อกระตุ้นความสนใจในการเดินทางเข้ามาพักผ่อนของนักท่องเที่ยว ส่วนปริมาณนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาหลังเปิดประเทศ ได้รับรายงานของ ททท.ว่า ยังอยู่ในสัดส่วน 10-20% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด และคาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ” นายสนธยา กล่าว
อย่างไรก็ดี วันนี้สำนักงานสาธารณสุข จ.ชลบุรี เผยว่า สถานการณ์การติดเชื้อในพื้นที่พบผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจรายใหม่ 1 ราย (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน) ผู้ป่วยปอดอับเสบรายใหม่ 2 ราย (รายที่ 1 พบประวัติการรับวัคซีน 2 เข็ม รายที่ 2 พบประวัติการรับวัคซีน 2 เข็ม)
ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายใหม่ในวันนี้มีอายุเพียง 35 ปี (ไม่พบประวัติการรับวัคซีน) ดังนั้น การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ต้องได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มด้วยการฉีดเข็มที่ 3 จะช่วยลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน
