นครปฐม - "มะเดี่ยว ชิษณุพงศ์" อาจารย์พิเศษโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เดินสายช่วยผู้ป่วยติดเตียงช่วงวิกฤตโควิด-19 เผยช่วงสถานการณ์เมืองปิด ผู้ป่วยติดเตียงสุดลำบาก บุคลากรทางการแพทย์ลุยงานหนัก ชวนนักกายภาพ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ทำจิตอาสา สามารถช่วยผู้ป่วยรายได้น้อยให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นได้อีกมาก
นายชิษณุพงศ์ ยะอ้อน หรือมะเดี่ยว อายุ 40 ปี สมาชิกของสมาคมวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย อาจารย์พิเศษโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เผยว่า ในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตนเองได้เปิดกิจการฟิตเนส ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงเนื่องจากเป็นสถานประกอบการที่ถูกกำหนดให้มีการปิดบริการ โดยทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น แต่ยังมีคนรู้จักแจ้งเข้ามาว่า มีผู้ป่วยติดเตียงที่หวังจะกลับมายืนและเดินได้ แต่ไม่สามารถมาที่โรงพยาบาลได้ เพราะโรงพยาบาลมีการจำกัดจำนวนคนและพื้นที่ในการรับการรักษา รวมถึงบางรายที่ต้องได้รับการสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์สามารถเข้ามาดูแลได้เพราะติดภารกิจในหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
มะเดี่ยว บอกว่า จากเวลาที่ว่างงานได้เริ่มปรับตัวเป็นงานจิตอาสา ซึ่งได้รับหน้าที่มาเป็นนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ประจำศูนย์ฟื้นฟู วัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีโอกาสมีดูผู้ป่วยหลายรายที่นอนติดเตียง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ และวัยกลางคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง ซึ่งกลุ่มหลังต้องได้รับการสร้างกล้ามเนื้อและฝึกการเดินขึ้นมาอีกครั้ง จึงคิดว่าตนเองพอมีความรู้ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เพราะจบทางด้านสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและเทคโนโลยีทางการกีฬา หลักสูตรฟื้นฟูผู้ป่วย (Rehab) หลักสูตรกายภาพหลังและคอ (Rehab) จากมหาวิทยาลัยมหิดล แม้จะไม่ได้จบทางด้านนักกายภาพมาโดยตรง แต่กพอที่จะนำเอาความรู้ที่มีมาช่วยเหลือเบื้องต้นให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้
“ผมเริ่มใช้เวลาว่างรับดูแลผู้ป่วยโดยมีกลุ่มที่ไม่มีรายได้จากช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าผมไปไหวผมไปช่วยฟรี หารายได้จากทางอื่นมาช่วยค่าน้ำมันให้เราไปช่วยเขาได้ เราทำเต็มความสามารถเพราะเจอมาหลายรายที่หากปล่อยไว้เขาจะกลายจากผู้ป่วยติดเตียงกลายเป็นคนพิการ มีหลายรายที่เราทำให้เขากลับมาลุกยืน และพอเดินได้ มีหลายรายต้องยอมรับว่าเขาอาการหนัก แต่เราพยายามให้เขาขยับตัวได้เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาแผลกดทับ และผมกได้สอนวิธีเบื้องต้นให้ญาติ เพื่อจะได้ดูแลและฝึกต่อจากผม ซึ่งช่วงที่ผ่านมา ดีใจที่ช่วยเขาได้” มะเดี่ยว ชิษณุพงศ์ เล่าให้ฟังถึงเส้นทางการทำงานด้วยจิตอาสา
มะเดี่ยว บอกต่อว่า วันนี้แม้สถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะมีการได้รับการฉีดวัคซีนมากแล้ว แต่คนที่ขาดรายได้เข้าบ้านไม่มีเงินที่จะพาผู้ป่วยไปหาหมอ ไม่มีเงินจ้างนักกายภาพมาดูแลที่บ้าน มีหลายคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือเพราะโรคสโตรกมันเกิดขึ้นทั่วประเทศ ตนเองอยากเชิญชวนให้คนที่มีความรู้ทางด้านกายภาพ หรือนักวิทยาศาสตร์การกีฬา นำความรู้ความสามารถมาช่วยคนอื่นได้
หากความรู้ไม่พอเราสามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้ เพราะทุกวันนี้เห็นคนกลับมาเดินได้ จากที่นอนติดเตียงไร้ความหวัง มีการกลับมายืนได้อีกครั้ง ทำให้มีความสุข และสังคมยังต้องการความช่วยเหลือกันอีกหลายด้าน ซึ่งวิชาชีพของตนเองสามารถมาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยังคงอยู่ในที่พักได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยตัวผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อีกใกล้เคียงอีกครั้ง ยังจะช่วยญาติเขาให้สามารถออกไปหารายได้เข้าบ้านได้ มันจะช่วยสังคมให้ค่อยๆ ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง แม้มันจะช้าแต่ยังดีกว่าที่เราจะไม่เอาวิชาชีพของเรามาช่วยอะไรในบ้านเมืองยามวิกฤตเลย
"วันนี้แม้รายได้ของตัวเองยังไม่มาก เพราะกิจการยังเปิดไม่ได้ แต่ได้พยายามหาแนวทางในการดำเนินชีวิตในวิชาชีพที่ได้เรียนรู้มาให้เกิดประโยชน์กับสังคม นอกจากนี้ ยังมีการรับดูแลเป็นเทรนเนอร์พิเศษให้สถานออกกำลังกายสำหรับคนที่อยากปรับปรุงบุคลิกภาพและสร้างสุขภาพที่ดี โดยต้องมีการปรับรูปแบบการดูแล ผู้ที่อยากจะออกกกำลังกาย สร้างกล้ามเนื้อ จากการได้ลงพื้นที่ไปดูแลผู้ป่วย โดยจะต้องเข้มและเน้นการดูแลตัวเองในเรื่องของการป้องกันไม่ให้ตัวเองเสี่ยงติดเชื้อ และเป็นพาหะของการแพร่ระบาดได้ ซึ่งถือเป็นวินัยที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน แม้เราจะได้รับวัคซีนกันมากแล้วก็ตาม"