ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงพื้นที่ สภ.หัวหิน ร่วมสอบปากคำนายอนุชา ยี่ปั๊วรายใหญ่ อ้างว่ามีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาที่รับโอนเงิน งวดสุดท้าย 130 ล้านบาท ในการสั่งซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ส่วนผู้ต้องหา 3 ราย ตำรวจได้ส่งฝากขังที่เรือนจำประจวบฯ ไปแล้ว
จากกรณีการลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล มาจำหน่ายแล้วไม่ได้สลากในงวดสุดท้ายเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา 3,000 กล่อง มีการโอนเงินรวมทั้งสิ้น 130 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้สลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำหน่ายในงวดวันที่ 1 มกราคม 2565 ต่อมาเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เสียหาย 32 ราย ส่วนหนึ่งอยู่ที่อำเภอหัวหิน ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน และนำเอกสาร หลักฐาน และสลิปการโอนเงิน รวมทั้งบัญชีที่โอนเงินไปให้มามอบเป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวน 20 นาย ที่ พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่งตั้งขึ้นเพื่อเร่งดำเนินการสอบสวนสืบสวน เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและมีมูลค่าความเสียหายที่สูง และต่อมามีการขออนุมัติศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับผู้ต้องหารวม 4 ราย ประกอบด้วยนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ ยี่ปั๊วรายใหญ่ อยู่ที่ จ.นนทบุรี มีภูมิลำเนา จ.สุโขทัย นายภาณุพงศ์ หรือซีส ชุมภารี เจ้าของร้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ลอตโต้ซีส หัวหิน นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี และนายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู ทั้งหมดเป็นชาวอำเภอหัวหิน
ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับตำรวจ สภ.หัวหิน ติดตามจับกุมผู้ต้องหา โดย นายอนุชา จับได้ที่บ้านพักในจังหวัดพิษณุโลก และอีก 3 รายจับได้ที่อำเภอหัวหิน จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ที่สภ.หัวหิน สำหรับนายภาณุพงศ์ นายอนุสรณ์ และนายบัณฑิตย์ หลังสอบสวนแล้วได้ส่งฝากขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วานนี้ ส่วนนายอนุชา ยังอยู่ระหว่างสอบสวน และถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.หัวหิน
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรหัวหิน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมประชุมติดตามผลการสอบสวน และต่อมาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ดำเนินการสอบสวนนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ หนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้รับเงินสั่งซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
สำหรับพฤติกรรมของคดีนี้คือ 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ที่หัวหิน มีพฤติกรรมร่วมกันโดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำด้วยการติดต่อชักชวนประชาชนทั่วไป และประกาศข้อความทางเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่ามีผู้ใหญ่ซึ่งมีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้ร่วมกันสั่งจองกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาถูกใบละ 78-79 บาท จึงทำให้มีผู้เสียหายรวม 32 คนในเบื้องต้นหลงเชื่อ และโอนเงินสั่งจองสลากินแบ่งรัฐบาลกับผู้ต้องหา ช่วงแรกได้สลากตามที่สั่งซื้อ
ต่อมา มีผู้เสียหายสั่งซื่อสลากเพิ่มขึ้น จำนวนเงินสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ได้สลากกินแบ่งรัฐบาลมาส่งให้ผู้เสียหายแต่อย่างใด และต่อมาเมื่อผู้เสียหายมีการทวงถามไปที่ นายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี เจ้าของร้านจำหน่ายสลากินแบ่งรัฐบาล ล๊อตโต้ซีส หัวหิน จึงได้แจ้งกับผู้เสียหายว่า มีนายอนุชา หรือแซม ซึ่งเป็นยี่ปั้วรายใหญ่อยู่ที่นนทบุรี และอ้างว่ามีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นผู้รับโอนเงิน ทำให้ในเบื้องต้นขณะนี้จากการสอบสวนผู้เสียหายไป 32 ราย ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงิน 24,063,640 บาท
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเบื้องต้นมีผู้เสียหายประมาณ 81 ราย แต่ส่วนหนึ่งยังไม่ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งหากประชาชนที่เสียหายสามารถเข้าแจ้งความได้ใน สภ.ท้องที่ที่ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติของ นายอนุชา พบว่าเคยก่อคดีฉ้อโกงประชาชนในจังหวัดสุโขทัย และท้องที่ สน.สายไหม และก่อเหตุมาหลายพื้นที่ ทั้งตำรวจภูธรภาค 1, 3 และภาค 5 มีมูลค่าความเสียหายมากกว่าที่หัวหิน หลังจากนี้หากประชาชนที่ทราบข่าวและได้รับความเสียหายยังไม่ได้เข้าแจ้งความ ขอให้เข้ามาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีในต่างกรรมต่างวาระกัน ในเรื่องนี้มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก รายที่เสียหายมากที่สุดมูลค่าถึง 3 ล้านบาท
เบื้องต้น ทางตำรวจตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน แล้วยังต้องมีความผิดกฎหมายฟอกเงินด้วย ซึ่งได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนประสานแจ้งไปยังสำนักงานเลขาธิการ ปปง.เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหา รวมทั้งเร่งรัดให้พนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นมารวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลต่อไปให้ถึงที่สุด พร้อมให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย ถึงแม้ว่าเบื้องต้นผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธก็ตาม แต่ทางตำรวจมีพยานหลักฐาน เอกสารที่แน่นหนาซึ่งสามารถดำเนินคดีต่อผูกระทำผิดได้
อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้เสียหายชาวหัวหิน และญาติของผู้ต้องหาส่วนหนึ่งได้เดินทางไปที่ สภ.หัวหิน เพื่อที่จะดูหน้านายอนุชา และรับฟังการแถลงข่าวและพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ถึงการดำเนินคดีทางกฎหมาย ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของทั้งตำรวจ สภ.หัวหิน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ในส่วนมูลค่าความเสียหายของชาวหัวหิน กว่า 20 ล้านบาท และยังมีผู้เสียหายรายใหญ่อยู่นอกพื้นที่อีกกว่า 70 ล้านบาท และตัวของนายภาณุพงศ์ เจ้าของร้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ลอตโต้ชีสหัวหิน กว่า 30 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่าเสียหายประมาณ 130 ล้านบาท