เชียงใหม่ – อธิบดีกรมป่าไม้สั่งชุดพยัคฆ์ไพรและสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ สนธิกำลังตำรวจและทหาร ตรวจสอบบุกรุกป่าม่อนแจ่ม 2 จุด สร้างรีสอร์ตที่พักนักท่องเที่ยว,ร้านกาแฟ และจุดชมวิว เก็บหลักฐานดำเนินคดียาวเหยียด ทั้งตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ,พ.ร.บ.ป่าไม้,พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ พ.ร.บ.โรงแรม
วันนี้(28 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่าอธิบดีกรมป่าไม้ดำเนินการตามแนวนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสั่งการให้นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่)และ นายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า มอบหมายให้นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) ,นายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) เชียงใหม่, นายสายพิณ เปียสวน ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และนายสัมพันธ์ พุฒด้วง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) นำกำลังเจ้าหน้าที่ กว่า 200 นาย ร่วมกันตรวจสอบการก่อสร้างที่พักบริการนักท่องเที่ยวบริเวณม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 จุด
ทั้งนี้โดยสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.แม่ริม และทหาร โดย ได้ดำเนินการตรวจสอบดังนี้ จุดที่ 1 ใกล้กับรีสอร์ทหว่าญ๋า ซึ่งมีผู้ให้ข้อมูลเบาะแสว่าเป็นของผู้ปกครองท้องที่ดังกล่าว พบมีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมประมาณ 0-2-72 ไร่ มีสิ่งก่อสร้างที่พักจำนวน 2 หลัง โดยมีการต่อระบบน้ำระบบไฟออกมาจากที่พักหว่าญ่า ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานพยานแวดล้อมพร้อมถ่ายภาพเพื่อดำเนินการต่อไป และจุดที่ 2 รีสอร์ทภูโมริน พบมีการบุกรุกเนื้อที่ 1-3-92 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างและที่พักนักท่องเที่ยว จำนวน 20 รายการ โดยคณะเจ้าหน้าที่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม ตามพ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ2507 ,พ.ร.บ.ป่าไม้พุทธศักราช 2484 ,พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ พ.ร.บ.โรงแรม เพื่อสืบสวนสอบสวนตามพยานแวดล้อมที่เจ้าหน้าที่ได้จัดทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานต่อไป
สำหรับการเข้าตรวจสอบดังกล่าว เนื่องจากมีการร้องเรียนว่ามีนายทุนการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อสร้างรีสอร์ท ที่พักให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้มีการดำเนินคดีกับนายทุนที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในพื้นที่ม่อนแจ่มแล้วกว่า 35 ราย สำนวนคดีความอยู่ในชั้นอัยการ โดยพื้นที่ม่อนแจ่มอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม ซึ่งพื้นที่เกือบทั้งสิ้นอยู่พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
ที่ผ่านมากรมป่าไม้ได้เข้าทำการควบคุมและอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทแก้ไขปัญหาร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ และชุมชนซึ่งได้มีการพูดคุยกับชุมชนแล้วว่าให้ยุติการก่อสร้างที่พักนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมไว้ก่อน กระทั่งกรมป่าไม้ได้มีประกาศห้ามนำอิฐ หิน ปูน ทราย ขึ้นไปทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ เว้นแต่สร้างที่พักอาศัยเท่านั้น แต่ยังพบมีการลักลอบก่อสร้างที่พักนักท่องเที่ยว จนเป็นที่มาของการเข้าตรวจสอบและดำเนินคดีในครั้งนี้ ซึ่งในส่วนของรีสอร์ทหว่าญ่า ที่มีที่พักนักท่องเที่ยว 16 หลัง,จุดชมวิว 9 จุด,ร้านกาแฟ 1หลัง และร้านอาหาร1หลัง ทางเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์การครอบครองเพื่อดำเนินการต่อไป