ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา มั่นใจท่องเที่ยวหาดบางแสน ระยอง ช่วงตรุษจีนไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วกลางทะเล ชี้จุดเกิดเหตุอยู่ไกล ซ้ำหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ากำจัดเร็ว ย้ำอาหารทะเลกินได้ แต่เพื่อความมั่นใจได้ส่งทีมงานลงสำรวจสภาพน้ำแล้ว
จากเหตุการณ์น้ำมันดิบจำนวนมากรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณท่าเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ซึ่งท่อดังกล่าวเป็นของบริษัท สตาร์ปิโตรเลีย รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.10 น.วันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา และหลังเกิดเหตุบริษัท สตาร์ปิโตรเลี่ยมฯ ได้ชี้แจงปริมาณน้ำมันดิบว่ามีจำนวน 128 ตัน หรือประมาณ 160,000 ลิตร ซึ่งได้ใช้สารเคมี dispersant กำจัดมวลคราบน้ำมันให้ย่อยสลายไปแล้ว 80% คงเหลือคราบน้ำมันอีกประมาณ 21 ตัน
พร้อมแจ้งว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และจะไม่มีคราบน้ำมันพัดเข้าฝั่ง และขณะนี้ยังไม่ปรากฏผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แต่ยังสร้างความกังวลให้กลุ่มชาวประมงและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว จ.ระยอง ว่าอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำในทะเลนั้น
วันนี้ (27 ม.ค.) ดร.บัลลังก์ เนื่องแสง รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ในฐานะสถาบันการศึกษาของภาคตะวันออก ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า การท่องเที่ยวบริเวณชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี และชายหาดต่างๆ ของ จ.ระยอง จะไม่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันที่ถูกคลื่นพัดเข้าฝั่งอย่างแน่นอน
เนื่องจากระยะทางจากจุดเกิดเหตุที่อยู่กลางทะเล และอยู่ไกลจากฝั่งมาก รวมทั้งปริมาณน้ำมันดิบที่ได้รับแจ้งจาก บริษัท สตาร์ปิโตรเลี่ยมฯ ว่ามีจำนวน 128 ตัน หรือประมาณ 160,000 ลิตร ซึ่งได้ใช้สารเคมี dispersant กำจัดคราบน้ำมันให้ย่อยสลายไปแล้ว 80% คงเหลืออีกประมาณ 21 ตัน
และเมื่อพิจารณาร่วมกับกระแสลมและกระแสคลื่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จึงคาดได้ว่าโอกาสที่จะมีคราบน้ำมันถูกพัเข้าฝั่งจะมีน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย
“ด้วยอานุภาคน้ำมันที่มีขนาดเล็กและระยะทางที่ไกลจากฝั่งมาก เชื่อได้ว่าคราบน้ำมันจะสามารถย่อยสลายได้ตามระยะทางและเวลา ขอให้นักท่องเที่ยวมั่นใจได้ว่าใน 1-2 อาทิตย์นี้การท่องเที่ยวบริเวณชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี และชายหาดต่างๆ ใน จ.ระยอง ยังคงสามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยเฉพาะบริเวณชายหาดบางแสนที่อาหารทะเลค่อนข้างสะอาดมาก”
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้คลายข้อสงสัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบที่จะเกิดกับน้ำทะเล และสัตว์น้ำในเขตน่านน้ำภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา จึงได้ส่งทีมคณาจารย์ และนักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล รวมทั้งคณาจารย์จากภาควิชาวาริชศาสต์ ลงพื้นที่ จ.ระยอง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
เพื่อสำรวจสภาพน้ำทะเลบริเวณจุดเกิดเหตุ รวมทั้งกระแสลมที่จะพัดคราบน้ำมันว่าสามารถกระจายไปได้ถึงบริเวณใดบ้าง รวมทั้งตรวจสอบผลกระทบจากกระแสน้ำว่ามีผลต่อสิ่งแวดล้อม ภาคการประมง และภาคการท่องเที่ยวหรือไม่อย่างไร
“จากข้อมูลเบื้องต้นที่ SPRC ได้นำสารเคมีเข้าไปขจัดคราบน้ำมันโดยหลักวิชาการแล้วจะทำให้คราบน้ำมันผืนใหญ่ที่อยู่ในทะเลแตกตัวเป็นอานุภาคขนาดเล็กได้ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-7 วันในการย่อยสลายตามธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้เราลงพื้นที่เก็บคราบน้ำมันที่ล่องลอยอยู่ในทะเล และน้ำตามแหล่งต่างๆ ที่คาดเดาได้ว่าจะว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่ ซึ่งคาดว่าในวันพรุ่งนี้น่าจะรู้ผล”
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยบูรพา ในฐานะมหาวิทยาลัยของภาคตะวันออกยังได้เตรียมความพร้อมทั้งจำนวนนิสิต และบุคลากรที่จะลงพื้นที่ จ.ระยอง หากเกิดผลกระทบทางการท่องเที่ยว เนื่องจากมีภาควิชาการจัดการด้านการท่องเที่ยวที่จะสามารถเข้าไปช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการสื่อสารไปยังชุมชนเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น และร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวได้