xs
xsm
sm
md
lg

โควิด-19เชียงใหม่ดับอีก3รายสะสมแล้ว199-ชี้สถานการณ์ทรงตัวติดเชื้อรายวันเพิ่ม125รายไม่นับรวมATKผลบวก300กว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แฟ้มภาพ
เชียงใหม่-โควิด-19เชียงใหม่พรากชีวิตอีก 3 ราย ตายสะสมแล้ว 199 ราย ขณะที่ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่ม 125 ราย ไม่นับรวมตรวจATKผลบวก 383 ราย ระบุสถานการณ์ทรงตัว เชิญชวนผู้ที่รักษาหายแล้ว ส่งคืนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลนำไปรักษาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการในระบบ Home Isolation และ Community Isolation


ช่วงค่ำวันนี้(22 ม.ค.65) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ว่าวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 125 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 120 ราย อีก 5 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ 4,108 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 1,743 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 244 ราย โรงพยาบาลเอกชน 658 ราย โรงพยาบาลต่างจังหวัด 10 ราย Community Isolation (CI) 132 ราย และ Home Isolation (HI) 699 ราย โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 199 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกเดือนเมษายนของจังหวัดเชียงใหม่ (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน) มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วทั้งหมด 33,146 ราย และรักษาหายแล้ว 31,162 ราย เป็นผู้ที่รักษาหายวันนี้ 262 ราย ส่วนการตรวจ ATK วันนี้ 2,043 ราย พบผู้มีผลบวก 383 ราย และสะสมแล้ว 14,418 ราย จากการตรวจทั้งสิ้น 200,085 ราย


สำหรับผู้ติดเชื้อในจังหวัดทั้งหมดนั้น มาจากคลัสเตอร์ใหม่และคลัสเตอร์เดิมที่ยังคงระบาดอยู่ จำนวน 21 ราย จาก 9 คลัสเตอร์ เป็นคลัสเตอร์ใหม่ 6 คลัสเตอร์ ประกอบด้วย คลัสเตอร์หมู่ 5 ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ 7 ราย เป็นการระบาดในชุมชน เพื่อนบ้านใกล้ชิดกัน ,คลัสเตอร์ออฟฟิศขายของออนไลน์ ตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย 3 ราย ,คลัสเตอร์โรงกลึงนครพิงค์แมชชีนช็อป ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ 2 ราย และคลัสเตอร์แผนกผลิต บริษัทไทย-เอ-ฟลาย จำกัด ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี 2 ราย ,คลัสเตอร์บริษัท DHL โลจิสติกส์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ 1 ราย และคลัสเตอร์ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้านลลิสา เชียงใหม่ 1 ราย ยอดรวม 3 ราย เป็นพนักงาน และผู้สูงอายุในความดูแล ส่วนคลัสเตอร์เดิมที่ยังคงระบาดอยู่อีก 3 คลัสเตอร์ ประกอบด้วย คลัสเตอร์แผนกศัลยกรรมกระดูกชายโรงพยาบาลนครพิงค์ 3 ราย ,คลัสเตอร์ร้าน Morestto ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 6 พบ 1 ราย เป็นพนักงานในร้าน นอกจากนี้เป็นคลัสเตอร์เดิมที่อยู่ระหว่างการควบคุมโรคพบ 1 ราย จากคลัสเตอร์ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ ระหว่างการกักตัว จึงไม่มีผู้สัมผัสเพิ่มเติม ด้านการระบาดในครอบครัว ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า 48 ราย และผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการสอบสวนเชื่อมโยงคลัสเตอร์อีก 50 ราย


ด้านข้อมูลผู้เสียชีวิต 3 ราย วันนี้ เป็นชายไทย อายุ 63 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน และไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน โดยวันที่ 10 มกราคม มีอาการหายใจเหนื่อย ซึมลง กู้ภัยนำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ ตรวจ RT-PCR ยืนยันว่าติดเชื้อ นอกจากนี้ยังตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดสูงระดับวิกฤต วันที่ 16 มกราคม อวัยวะภายในล้มเหลวหลายระบบ วันที่ 17 มกราคม ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตลง

รายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 40 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหอบหืด ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน โดยวันที่ 7 มกราคม เริ่มมีอาการไอ เจ็บคอ ตรวจ ATK พบผลเป็นบวก วันที่ 8 มกราคม เข้าตรวจ RT-PCR ผลยืนยันว่าติดเชื้อ และรับไว้รักษาที่โรงพยาบาลเชียงใหม่เมดิคอลเซ็นเตอร์ วันที่ 16 มกราคมเหนื่อยมากขึ้น ออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงใส่ท่อช่วยหายใจ ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ วันที่ 19 มกราคม ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิต

รายสุดท้ายเป็นชายไทย อายุ 77 ปี มีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง และโรคไต ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม วันที่ 19 มกราคม มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ วันที่ 20 มกราคม มีอาการเหนื่อยมาก ญาติจึงนำส่ง โรงพยาบาลแม่แตง ออกซิเจนในเลือดต่ำ แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ และตรวจ ATK ผลเป็นบวก จึงส่งต่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron วันที่ 21 มกราคม ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิต

ทั้งนี้สถานการณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงนี้ ยังคงทรงตัวอยู่ โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการตรวจ RT-PCR มากกว่าวันละ 100 ราย ส่วนจากการตรวจ ATK วันละ 300 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการที่รักษาอยู่ในระบบ Home Isolation และ Community Isolation เพิ่มมากขึ้น จังหวัดเชียงใหม่จึงขอเชิญชวนผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วร่วมกันทำบุญ “เพราะการให้ คือ ความสุข” โดยการส่งคืนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลหลังหายป่วยแล้ว โดยสามารถบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เคยใช้ระหว่างพักรักษาตัวส่งคืนให้กับสถานพยาบาลของรัฐทุกแห่ง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป










กำลังโหลดความคิดเห็น