ประจวบคีรีขันธ์ - ศูนย์การทหารราบ ประชุมร่วมกับชาวบ้าน ชี้แจงการใช้ประโยชน์พื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลข ปข.605 ในพื้นที่ ต.บึงนคร อ.หัวหิน เพื่อทำความเข้าใจและหามาตรการในเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบที่ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ หลังจากกองทัพบกจะต้องใช้พื้นที่ฝึกทางยุทธวิธีกองทัพบก
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ เป็นประธานการประชุมชี้แจงการใช้ประโยชน์พื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลข ปข.605 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบึงนคร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงที่เกี่ยวข้อง นายราม สิงหโศภิษฐ์ ปลัดอำเภอ รักษาราชการแทนนายอำเภอหัวหิน ผู้แทนจากหน่วยงานในพื้นที่ ที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ธนารักษ์พื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ นายก อบต.บึงนคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ผู้แทนของศูนย์การทหารราบได้ชี้แจงกรณีติดประกาศแจ้งเตือนให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ราชพัสดุแปลง ปข.605 ภายใน 30 วันเป็นการแจ้งเตือนตามกระบวนการ ตามที่กองทัพบกมีแผนงานโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองทัพบก แห่งที่ 2 ณ ศูนย์การทหารราบ ในพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลรักษา และใช้ประโยชน์ของกองทัพบก (ศูนย์การทหารราบ) แปลงหมายเลขที่ ปข.605 โดยในขั้นต้นศูนย์การทหารราบได้กำหนดพื้นที่สำคัญที่จำเป็นต่อการฝึก (พื้นที่วิกฤต) เนื้อที่ 8,500 ไร่ จำนวน 3 แปลง เป็นพื้นที่สำหรับการฝึกดำเนินกลยุทธ์ของหน่วยทหารระดับกองพันผสม และมีการยิงปืนด้วยกระสุนจริงเข้าสู่ที่หมายของข้าศึกสมมติ (อาวุธภาคพื้นสู่ภาคพื้น เช่น ปีนเล็กยาว ปืนกล ปืนใหญ่รถถัง และปืนใหญ่ อาวุธอากาศสู่ภาคพื้น เช่น เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์โจมตี และการจุดระเบิดขนาดต่างๆ) โดยมีหลักการพิจารณาในการกำหนดพื้นที่ 3 ประการ คือ มีสภาพภูมิประเทศเหมาะสมสำหรับการฝึกดำเนินกลยุทธ์ในรูปแบบต่างๆ หลีกเลี่ยงแหล่งชุมชน หรือพื้นที่ที่มีบ้านเรือนประชาชน (ผู้บุกรุกอยู่เดิม) อยู่อาศัย และมีผลกระทบประชาชน (ผู้บุกรุกเดิม) ให้น้อยที่สุด ซึ่งพื้นที่ที่ได้กำหนดส่วนใหญ่จะครอบคลุมพื้นที่ ตำบลบึงนคร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เนื่องจากการฝึกทางยุทธวิธีของกองทัพบก จำเป็นต้องมีการฝึกยิงด้วยกระสุนจริง หากมีประชาชนยังต้องอยู่อาศัย และทำกินในพื้นที่ดังกล่าวอาจเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ทั้งนี้ ศูนย์การทหารราบต้องให้ประชาชน (ผู้บุกรุกเดิม) ที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ดังกล่าวได้ย้ายออก หากประชาชนที่ได้รับผลกระทบมีเอกสารสิทธิยืนยันความถูกต้องในการเข้าอยู่อาศัยทำกิน ศูนย์การทหารราบยินดีให้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ โดยในเบื้องต้น ทางศูนย์การทหารราบ ได้นำป้ายประกาศไปติดตามบ้านเรือนแล้วในเบื้องต้นกว่า20 หลังคาเรือน ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งอันตรายในการฝึกที่ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปเพิ่มความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ส่วนพืชผลทางการเกษตรสามารถเก็บเกี่ยวไปได้จนหมดฤดูกาลผลิต
อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จการประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันสรุปได้ใน 2 ประเด็น คือ กรณีการชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่การฝึกกระสุนจริงจำนวนกว่า 20 หลังคาเรือน จะต้องย้ายออกเพื่อความปลอดภัย ส่วนมาตรการช่วยเหลือเยียวยา หรือจัดพื้นที่แปลงอพยพให้ผู้ได้รับผลกระทบจะต้องรายงานกองทัพบก และหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนพื้นที่แปลงเกษตรขณะนี้ยังไม่ต้องรื้อถอน สามารถเข้าดำเนินการเก็บเกี่ยวจนหมดฤดูกาลและงดการเข้ามาทำการเกษตรในแปลงดังกล่าว จากนั้นค่อยย้ายออกไป นอกจากนี้ ทางศูนย์การทหารราบจะลงพื้นที่ไปสำรวจข้อมูล และกำหนดชี้จุดให้ชัดเจนกับผู้นำท้องถิ่น และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่จะต้องรื้อถอนในตำบลบึงนคร เพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกันต่อไป
โดยทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.บึงนคร ชาวบ้านบึงนคร บอกว่า หลังจากมีข้อสรุปว่าบ้านเรือนบางหลังที่มีการติดประกาศให้รื้อถอนออกไปตามประกาศนั้น ตอนนี้คงต้องรอทาง ศูนย์การทหารราบที่จะต้องเข้ามาประสาน และไปดูพื้นที่จริงพบกับเจ้าของบ้าน และที่ดินในพื้นที่ต่อไปว่าจุดเป็นจุดที่จะได้รับผลกระทบจากการฝึกกระสุนจริง แต่ต้องยอมรับว่าหากชาวบ้านต้องย้ายออกไปจะมีที่อยู่และมีการเยียวยาหรือไม่อย่างไร