ศูนย์ข่าวศรีราชา - เอเยนซีท่องเที่ยวเปิดศึกเจ้าของพูลวิลล่าในเมืองพัทยา พฤติกรรมสุดแสบ ทำสัญญาให้เช่าบ้านแบบรายปีแต่ถึงหน้าเทศกาลกลับล็อกประตูบ้านจนนักท่องเที่ยวเข้าไม่ได้ สุดท้ายพบดอดปล่อยบ้านให้เช่าเองในราคาที่สูงกว่าสัญญา ทำเสียหายนับ 10 ล้านบาท ประกาศเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญา
วันนี้ (12 ม.ค.) น.ส.จุฑารัตน์ ขาวโกมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด พร้อมด้วย นายมนตรี บัวมากทนายความประจำบริษัทฯ ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่โรงแรมเซ็นทาราคา มาริส ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กรณีที่ถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเปิดบริการรับจองที่พักแบบพูลวิลล่าในเมืองพัทยา และอำเภอใกล้เคียงใน จ.ชลบุรี โดยให้ผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวโอนเงินค่าที่พักเข้าบัญชี “Amantara Group” แต่สุดท้ายผู้จองกลับไม่ได้ที่พักตามที่ตกลงกันไว้จึงถือว่าเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา
โดยนักท่องเที่ยวที่จองห้องพักกับบริษัทฯ ได้เดินทางเข้าพักในที่พักแบบพลูวิลล่าตามที่มีการนัดหมายไว้ แต่เมื่อไปถึงเจ้าของบ้านพูลวิลล่า ที่มีทั้งชาวไทย และต่างชาติกลับปิดล็อกบ้านพร้อมกล่าวอ้างว่าไม่ยินยอมให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์จากบ้านพักเนื่องจากผิดสัญญาด้วยการชำระค่าเช่าล่าช้าเป็นเวลานานเกินกว่า 2-3 เดือน
"เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสียหายให้บริษัทฯ ทั้งเรื่องชื่อเสียงและความเสียหายที่เกิดกับนักท่องเที่ยว ซึ่งบริษัทฯ ต้องหาที่พักแห่งใหม่พร้อมออกค่าใช้จ่ายให้จนได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินนับสิบล้านบาท และยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่เคยค้างค่าเช่าที่บ้านพักหรือที่พักที่ทำสัญญาไว้แม้แต่รายเดียว เพียงแต่อาจล่าช้าไปบ้างในการชำระค่าเช่ารายเดือนแต่ไม่เคยเกิน 5 วันตามที่ตกลงในสัญญา และสามารถยืนยันได้จากใบโอนชำระค่าเช่าซึ่งใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมาย"
ส่วนที่มาของเหตุการณ์ บริษัทฯ สืบทราบภายหลังว่า มีนักท่องเที่ยวบางส่วนติดต่อโดยตรงไปยังเจ้าของบ้านพัก และมีการเสนอราคาค่าเช่าที่ถูกกว่าที่บริษัทฯ ได้ทำสัญญากันไว้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีผู้ต้องการที่พักเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ น.ส.จุฑารัตน์ ยืนยันว่า บริษัทฯ เปิดธุรกิจในลักษณะการทำสัญญาเช่าบ้านพูลวิลล่าขนาดใหญ่ในเมืองพัทยา และใกล้เคียงรวมถึงห้องพักในคอนโดมิเนียม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ปล่อยให้เช่าเพื่อนำไปใช้ประโยชน์มานานกว่า 1 ปีแล้ว
และทุกครั้งจะมีการทำสัญญาเช่าที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่น้อยกว่า 30 หลัง ในราคาค่าเช่าตั้งแต่ 35,00-60,000 บาทต่อเดือน แล้วแต่ขนาดของสิ่งปลูกสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวก
“การทำสัญญาทุกครั้งจะมีทนายความ คู่สัญญา และพยาน ซึ่งการทำธุรกิจปล่อยที่พักให้เช่าสำหรับนักท่องเที่ยว บริษัทฯ จะได้กำไรจากส่วนต่างที่เกินจากค่าเช่าที่ทำสัญญาไว้ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านเรามียอดการจองที่พักมากถึง 95% ตั้งแต่เดือน ธ.ค.64-ธ.ค.65 แต่มาเกิดปัญหาขึ้นทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายอย่างมาก” น.ส.จุฑารัตน์ กล่าว
ด้าน นายมนตรี บัวมาก ทนายความประจำบริษัทฯ เผยว่า การทำสัญญาเช่ากับเจ้าของบ้านพักเป็นการดำเนินงานตามขั้นตอนของกฎหมาอย่างถูกต้อง และผู้เช่าไม่ได้ทำผิดสัญญาตามที่ตกลงไว้ แม้อาจจะมีล่าช้าไปบ้างแต่ก็ไม่เคยข้ามเดือน ซึ่งการกระทำของเจ้าของบ้านพลูวิลล่าที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการหาประโยชน์โดยมิชอบและเข้าข่ายเป็นการบุกรุกสถานที่แม้ว่าจะเป็นเจ้าของบ้านพักก็ตาม
เนื่องจากเจ้าของบ้านเช่าได้ทำสัญญาปล่อยเช่าไปแล้ว และขณะนี้ตนเองได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ ให้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีอาญาโดยกล่าวหาว่า “บุกรุก” และคดีทางแพ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ กับเจ้าของบ้าน
“นอกจากนี้ อาจจะมีการแจ้งความดำเนินคดีความผิดทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยเนื่องจากมีการนำข้อความไปโพสต์จนทำให้บริษัทเกิดความเสียหาย ส่วนสาเหตุที่ต้องเปิดแถลงข่าวในวันนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้บริการว่าบริษัทฯ ไม่ได้ทำธุรกิจที่เข้าข่ายหลอกลวง หรือฉ้อโกง” ทนายความ กล่าว
