แม่ฮ่องสอน - กองทัพพม่าขยายแนวรบปะทะกะเหรี่ยงคะยายืดเยื้อ ทำชาวเมียนมาตามแนวตะเข็บชายแดนหนีตายข้ามฝั่งเข้าหลบภัยในพื้นที่ปลอดภัยแม่ฮ่องสอนแล้วเกือบพันคน
นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อม นายพงษ์พีระ ชูชื่น นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และป้องกันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานและสังเกตการณ์สถานการณ์ผลกระทบจากการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยงคะยา บริเวณฝั่งเมียนมา ตรงข้ามแม่ฮ่องสอน ที่มีการปะทะกันเกิดขึ้นหลายระลอกห้วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
รวมทั้งได้เข้าตรวจสอบพื้นที่อพยพของผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ที่หนีตายจากการปะทะที่เกิดขึ้นข้ามมาฝั่งไทย ซึ่งมีการจัดให้พักอาศัยอยู่ ณ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ช่องทางทะนาควาย บ้านในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จนถึงวานนี้ (11 ม.ค. 65) จำนวนทั้งสิ้น 714 คน
โอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอนได้ประชุมร่วมกับกองอำนวยการร่วมแก้ไขปัญหาสถานการณ์ผู้หนีภัยความไม่สงบ เน้นย้ำไม่ให้ผู้อพยพเดินทางเข้ามาในศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบในพื้นที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราวอย่างทั่วถึง และพอเพียงต่อการดำรงชีพ ภายใต้การดำเนินการของภาครัฐ โดยไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 โดยเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ด้าน พล.ต.ประสาน แสงศิริรักษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร เดินทางไปตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังพลหน่วยปฏิบัติการในสนาม ณ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 บ้านม่อนตะแลง ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยมี พ.อ.สุจินต์ ทรัพย์สิน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 นำกำลังพลทหารให้การต้อนรับ ซึ่งผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ได้มอบชุดของขวัญ และเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารสำเร็จรูป และชุดตรวจ ATK ให้แก่กำลังพลด้วย
พล.ต.ประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยม ว่าการเดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลสนามในพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 เพื่อรับทราบปัญหาข้อขัดข้องหลังจากได้มอบนโยบายจากผู้บังคับบัญชาในทุกระดับแล้วเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ รวมทั้งถือโอกาสมาอวยพรปีใหม่และมอบของขวัญปีใหม่ให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติงาน และเน้นย้ำเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิดในหน่วยทหาร และดูแลช่วยเหลือสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงโควิดอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดหรือคลัสเตอร์ในหมู่บ้านชุมชน
สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับชนกลุ่มน้อยเชื้อสายคะยา เกิดขึ้นภายในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน แต่ในห้วง 2 วันนี้มีแนวโน้มคลี่คลายลงตามลำดับ แต่ที่ส่งผลกระทบมาคือมีผู้ลี้ภัยจากความไม่สงบชาวเมียนมาในหมู่บ้านชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านอพยพเข้ามาในเขตไทย ขณะนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง โดยหน่วยทหารได้กำหนดพื้นที่ควบคุมและดูแลความเป็นอยู่ตามหลักมนุษยธรรมอยู่แล้ว แต่ถ้าหากสถานการณ์คลี่คลายก็คงจะให้เดินทางกลับไปยังพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
ส่วนเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทยตามแนวชายแดน ได้ให้หน่วยทหารในพื้นที่ดูแลความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งชีวิตและทรัพย์สิน หากมีสถานการณ์ชายแดนรุนแรงสิ่งที่จะต้องทำเร่งด่วนคือต้องอพยพคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยทันที แต่ขณะนี้สถานการณ์ภายในประเทศเพื่อนบ้านคลี่คลายลงจึงให้หน่วยทหารในพื้นที่เฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยประชาชนตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด