ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปิดแนวคิด “บุญเครือ เขมาภิรัตน์” ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่เมืองศรีราชา นำแรงงานไทยผงาดงานก่อสร้างระดับโลกจนสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศหลายพันล้านบาทต่อปี ซ้ำวิกฤตโควิด-19 ยังทำอะไรไม่ได้ ฟุ้งปี 65 นำแรงงานไทยลุยงานใหญ่อีกหลายพันล้านบาท
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ภาคธุรกิจทั่วโลกต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากต้องตกงาน แต่ยังมีบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่เมืองศรีราชา จ.ชลบุรี อย่างบริษัท ศรีราชา คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่นอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตแล้ว ยังสามารถส่งแรงงานไทยไปทำงานระดับโลก สร้างเงินสร้างรายได้นับพันชีวิต
นายบุญเครือ เขมาภิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชา คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งในประเทศญี่ปุ่น แอฟริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยหลายแห่งให้ดำเนินงานก่อสร้างทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงาน โรงไฟฟ้า หรือแม้แต่โรงงานถลุงเหล็ก จนสร้างรายได้เข้าประเทศหลายพันล้านบาทต่อปี
และยังสามารถสร้างงานให้ประชาชนในพื้นที่รวมทั้งช่างฝีมือให้มีงาน มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ที่สำคัญในวันนี้ยังเป็นบริษัทท้องถิ่นที่สามารถนำบริษัทเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จน สร้างผลประกอบการที่ดีให้นักลงทุนได้อีกด้วย
โดยในแต่ละปีบริษัทแห่งนี้ได้ส่งแรงงานเข้าทำงานก่อสร้างโรงงานในรูปแบบต่างๆ ในหลายประเทศ โดยเฉพาะที่เมืองมาดากัสการ์ ประเทศแอฟริกา ที่มีการว่าจ้างระยะยาวแบบรายปีจนสามารถสร้างงานให้แรงงานไทยได้หลายร้อยชีวิต โดยที่บริษัทฯ ไม่มีการหักค่าหัวคิว หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเดินทางแต่อย่างใด
นายบุญเครือ ให้เหตุผลที่ไม่เรียกเก็บเงินค่าเดินทางกับแรงงานเหล่านี้ว่า เพราะไม่ต้องการให้แรงงานต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อเป็นค่าใช่จ่ายในการทำงาน เพื่อที่จะได้มีเงินส่งกลับบ้านเลี้ยงดูครอบครัวให้กินดีอยู่ดี และในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ส่งแรงงานไปทำงานในประเทศต่างๆ ได้แล้วมากกว่า 5,000 ราย
"ค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าที่จะต้องเป็นผู้จ่ายค่าภาระในการเดินทาง ค่าที่อยู่และค่าอาหารเพื่อแลกกับแรงงานฝีมือที่สามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม และสิ่งที่ทำให้บริษัท ศรีราชา คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นที่ไว้ใจของนักลงทุนต่างชาติคือ 1.ความสามารถในการทำงานที่แล้วเสร็จได้ตามสัญญา 2.คุณภาพของงานที่ไม่เคยต้องกลับไปแก้ไข 3.การดำเนินธุรกิจที่ไม่ใช้เงินกู้จากแบงก์ทำสามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่และ 4.การดูแลพนักงานทุกระดับให้อยู่ดีกินดีจนสามารถสร้างงานที่ดีได้"
โดยผลงานที่สามารถการันตีการเป็นบริษัทเต็งหนึ่งด้านงานโครงสร้างขนาดใหญ่เริ่มตั้งแต่ปี 2534 ที่มีโอกาสได้ร่วมก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันให้บริษัทไทยออยล์ ร่วมกับผู้รับเหมาจากประเทศญี่ปุ่น และยังได้รับความไว้วางใจให้ร่วมขยายโรงกลั่นนำมันเอสโซ่ ศรีราชา
จนนำสู่การเปิดบริษัทอย่างเป็นทางการในปี 2537 จากความชำนาญในเรื่องงานเหล็กและงานสร้างโรงกลั่น ยังทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้คุมงานก่อสร้างในต่างประเทศจนมีงานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ส่วนงานก่อสร้างในประเทศไทยเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2540 จากการก่อสร้างโรงงานให้บริษัท ไทยคอปเปอร์ จำกัด งานก่อสร้างโรงงานเบียร์ช้างที่ จ.เพชรบุรี ไม่นับรวมงานก่อสร้างโรงงานแยกแก๊สที่กาตาร์ ซึ่งในครั้งนั้นได้นำแรงงานไทยไปทำงานมากกว่า 700 ชีวิต และก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ซูดาน
“เมื่อ 12 ปีก่อนเราได้งานที่เมืองมาดากัสการ์ ประเทศแอฟริกา ที่มีการลงทุนกว่าแสนล้านบาท เราเอาคนไปสร้างโรงงานให้เขาเกือบ 3,000 คน โดยที่ไม่เก็บค่าเดินทางใดๆ และเมื่อปลายปี 64 ที่ผ่านมา เราส่งแรงงานไปทำงานที่แอฟริกาใต้ แต่เกิดปัญหาเรื่องการระบาดของโอมิครอน จนต้องบินกลับประเทศเราออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด รวมทั้งค่ากักตัวจนได้รับคำชมจากหน่วยงานรัฐมากมาย”
และในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ยังมีงานก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ มูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท หลังในปีที่ผ่านมาได้สร้างโรงงานที่มาบตาพุด จ.ระยอง และโรงงานที่ปราจีนบุรีจนแล้วเสร็จ จนได้รับมอบหมายให้ก่อสร้างโรงงานที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนชาวออสเตรีย ที่มีมูลค่าอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท
ยึดหลักบริหารงานแบบกองโจร หาได้เท่าไรแบ่งกันเท่านั้น จนนำบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่ 8 ปีก่อน
นายบุญเครือ ยังเผยถึงหลักในการดูแลพนักงานกว่า 2,200 คน ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะพนักงานระดับบริหารและวิศวกร คือ การให้บุคลากรได้มีโอกาสเป็นเจ้าของบริษัทฯ โดยตนเองเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้ได้มีความมั่นใจเรื่องรายได้ที่จะสามารถพัฒนางานให้ได้มาตรฐานต่อไป และยังทำให้ในวันนี้ไม่มีพนักงานระดับบริหารรายใดที่คิดลาออกไปอยู่ที่อื่น
โดยปัจจุบันบริษัท ศรีราชา คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) มีจุดขายสำคัญซึ่งเป็นที่ยอมรับของกลุ่มทุนต่างชาติซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหญ่คือ การมีช่างเชื่อมที่มีความชำนาญและวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญจนสามารถคุมงานก่อสร้างได้โดยไม่ต้องแก้ไขหลังจบงาน และยังสามารถการนำบริษัทฯ เข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้เป็นผลสำเร็จตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อน ตามความต้องการของพนักงานที่ไม่อยากให้บริษัทฯ แห่งนี้มีอันต้องปิดตัวไปจากปัญหาที่ผู้นำเริ่มมีอายุมากขึ้น
"การนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผมยังต้องทำงานต่อเพราะไม่เช่นนั้นผมอาจเลิกทำธุรกิจไปแล้ว ซึ่งการนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นเรา แต่เพราะผลงานที่เราทำตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้มากกว่าพันล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังสร้างความมั่นคงให้แรงงานในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญการยึดหลักบริหารงานแบบกองโจรคือ ช่วยกันหาได้เท่าไรแบ่งกันเท่านั้นโดยที่ผมเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ทำให้พนักงานระดับบริหารของผมทุกคนเชื่อมั่นว่าเขาจะมีความมั่นคง และทุกวันนี้หลายคนมีเงินจากการทำงานหลายร้อยล้านบาท และยังทำให้มูลค่าทรัพย์สินของบริษัทฯ มีกว่า 4,000 ล้านบาทด้วยเช่นกัน" นายบุญเครือ กล่าว
