นครปฐม - หนุ่มใหญ่เมืองนครปฐม ประกาศออกสื่อ ตามหาเมียหลังหายตัวร่วม 10 วัน ไม่ทราบชะตากรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมิทธิพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม ซึ่งไปทำงานตั้งครอบครัวที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ว่านางสาวธัญญารัตน์ อายุ 36 ปี ภรรยาได้หายตัวออกจากบ้านพักไป ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการประสานให้สื่อช่วยประกาศติดตามภรรยาเนื่องจากไม่ทราบชะตากรรมว่าอย่างไร โดยขณะนี้ทุกข์ใจมาก เนื่องจากตนเองและครอบครัวของภรรยาก็มีความเป็นห่วงและไม่สามารถติดตามตัวได้
ผู้สื่อข่าวได้พบ นายสมิทธิพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งมีอาการเซื่องซึม และมีความวิตกกังวลกินนอนไม่หลับ เล่าว่า ตนเองได้มีการแจ้งความไว้เรื่องการตามหาภรรยา ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถึงขณะนี้ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ไม่สามารถติดต่อทางมือถือหรือทางโซเชียลที่เคยติดต่อได้ทุกช่องทาง หวั่นว่าจะเกิดอันตรายหรือหากมีการหนีตามใครก็ขอให้กลับมาพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน
นายสมิทธิพงศ์ เผยว่า ที่ผ่านมา ตนเองได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยามาแล้ว 17 ปี โดยมีลูกสาว 1 คนอายุ 15 ปี ซึ่งวันที่เขาหายตัวไปก็ไม่มีสัญญาณอะไรที่ผิดปกติ โดยก่อนหน้านี้ ตนเองได้ชักชวนภรรยากลับมาที่บ้านแม่ที่นครปฐม แต่เขาไม่มาบอกว่าลูกสาวติดสอบออนไลน์ ตนเองมาแล้วก็กลับมาถึงถนนพระราม 2ก็ยังไลน์คุยกันอยู่ แต่ก็มีประโยคที่สะท้อนใจ ที่เขาบอกว่า ดูแลตัวเองให้ดีด้วย แต่กลับไปแล้วเขาก็ได้หายไป
“ซึ่งวันที่เขาหายไปคือวันที่ 22 ธ.ค.ก็ยังไลน์คุยกันปกติ โดยทุกวันเขาจะนอนกับลูกสาว เพราะอ้างว่ามีอาการไม่สบายปวดหน่วงๆที่ช่องท้องและแพ้ฝุ่น แต่เราก็ติดต่อกันตลอด โดยเมื่อติดต่อหลายครั้งเขาก็ปิดเครื่อง และช่วง 5 ทุ่มกว่า ทุกโซเชียลก็ได้ถูกปิดทั้งหมด ไม่สามารถติดต่อได้ ถามลูกสาวก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เช่นกัน
วันที่ 23 ธ.ค. ก็พยายามออกตามหาทุกที่ ก็ไม่พบติดต่อไปที่แม่ของเขาก็ไม่มีใครทราบว่าไปไหน โดยวันที่ 24 ธ.ค. ก็ได้ออกไปตามหาตัวที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คิดว่าเขาไปกับเพื่อนเพื่อจะไปเที่ยว แต่รถเสียก็ไปไม่ถึง ยิ่งถามหาตัวก็ไม่พบจึงได้ตัดสินใจไปแจ้งความ จนถึงวันนี้เรื่องก็เงียบไปเลย ตนเองทำทุกทางแล้ว จนถึงวันนี้
นายสมิทธิพงศ์ เล่าต่อว่า ขณะนี้ตั้งไว้ 3 ประเด็นคือเขาหนีไปบวช เพราะเดิมเขามีร้านนวด 2 ร้านแต่ปิดหมดเพราะพิษโควิด-19 ทำให้ผมกับเขามีปัญหาเรื่องเงินบ้าง แต่ไม่เคยทะเลาะกันถึงขั้นตบตี ประเด็นที่สองคือถูกคนมาหลอก วาดฝันให้เขาไปต่างๆนานา แต่ก็คิดว่าภรรยามีลูกแล้วใครจะมารักเขาขนาดนั้น ประเด็นสุดท้ายคือ ถูกหลอกไปทำร้ายหรือทำให้ถึงชีวิต ตนเองห่วงเรื่องนี้เป็นหลัก เพราะเขาเคยไปธนาคารออมสิน อีเกีย บางนา เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยเอาเงิน 8 หมื่นไปฝาก แต่ธนาคารบอกว่า น่าจะฝาก 1 แสน แต่เขาเงินไม่พอจึงได้เอาเงินลูกสาว ฝากเพิ่ม 1.2 หมื่น ขาด 8 พันบาท เขาก็บอกว่ามีคนให้ยืม ผมพยายามไปขอกล้องวงจรปิดแต่เขาก็ไม่ให้และทางตำรวจก็มาดูกล้อง แต่เงียบไป
“สิ่งที่ตนเองห่วงคือหากเขาไปกับใครก็ให้มาบอกดีๆ ขณะนี้ลูกสาว กำลังโตกลัวว่าจะไม่มีใครประคองเกี่ยวกับปัญหาวัยรุ่น ซึ่งแม่เขา ญาติเขาก็ร้องไห้ บอกให้ผมออกไปตามหาให้เจอ แต่หากเขาไปมีใครใหม่แล้ว ก็ให้มาบอกกลับมาคุยกันว่าจะเอายังไง ขณะนี้ทุกคนเป็นห่วงมาก”