เชียงราย - ภาคเอกชนเดินหน้าดึงเกษตรกรปลูก “ต้นกระท่อม” ทั่วไทย 10 ล้านต้น เริ่มปีหน้า..จัดพิธีลงนาม MOU ส่งออกจีน พร้อมโชว์แผนตั้งโรงงานแปรรูป-โรงอบในวิสาหกิจชุมชนทั่วทั้ง 77 จังหวัด
วันนี้ (22 ธ.ค. 64) ตัวแทนบริษัทไร่เพชรตะวัน จำกัด และบริษัทไอรดากรุ๊ป เฮลธ์แคร์ คอสเมติก จำกัด ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ร่วมกับบริษัทกระท่อมไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ห้องประชุมโรงแรมไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ เชียงราย อ.เมืองเชียงราย เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์สินค้าแปรรูปกระท่อมและสมุนไพรส่งไปยังประเทศจีน
นางวิยะดา พลประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริษัทไร่เพชรตะวัน จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายจะปลูกพืชกระท่อมทั่วประเทศให้ได้จำนวน 10 ล้านต้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงได้จัดหาแหล่งที่ทำให้ต้นกระท่อมได้คุณภาพ นำส่งบริษัทเครือเดียวกัน คือ บริษัทไอรดากรุ๊ป เฮลธ์แคร์ คอสเมติก จำกัด เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และสมุนไพร
โดยมีแผนจะสร้างโรงงานเพื่อรองรับการปลูกดังกล่าวให้ได้ 20 แห่ง และโรงอบในวิสาหกิจชุมชนทั่วทั้ง 77 จังหวัด รวมทั้งมีนโยบายจะขยายเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนให้ได้ 100 วิสาหกิจชุมชน นอกจากนี้ยังจะขยายธุรกิจเพื่อชุมชน นำรายได้ 20% สร้างงานสร้างอาชีพให้คนไร้งาน เช่น นักโทษที่พ้นโทษ เด็กจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก ฯลฯ ภายใต้แฟรนไชส์ "ต้มท่อม" อีกด้วย
"บริษัทจะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกใบกระท่อมก่อนตั้งแต่ปี 2565 และจะรับซื้อคืนในราคากิโลกรัมละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อควบคุมต้นทุนและผลผลิต โดยใช้ต้นพันธุ์ที่บริษัทเพาะกล้าเอาไว้ให้คือ พันธุ์ก้านแดง ซึ่งต้นแม่พันธุ์อายุ 40 ปีขึ้นไปอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร และนครศรีธรรมราช"
หลังจากเกษตรกรเข้าร่วมโครงการปลูกกระท่อมแล้ว จะเริ่มตัดมีดแรกเมื่อต้นมีอายุได้ 1 ปีเพื่อแปรรูปเป็นชา แคปซูล หรือสกัดน้ำมันก่อน จากนั้นปี 2567 เมื่อผลผลิตมากขึ้นและต้นกระท่อมอายุได้ 2-3 ปี ซึ่งจะให้สารไมทราไจนีนสูงก็จะสามารถนำมาเป็นแคลริไฟได้
นางวิยะดากล่าวอีกว่า เบื้องต้นบริษัทจัดเตรียมต้นกล้าให้เกษตรกรได้เลือกซื้อเพื่อนำไปปลูกจำนวน 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด 2-3 ซม. ราคา 60 บาท เพื่ออนุบาลและลงปลูกในฤดูฝน ขนาด 5-7 ซม. ราคา 100 บาท สำหรับการอนุบาลเพียง 1 เดือนและหมดฤดูหนาวก็นำลงปลูกได้เลย และขนาด 15-20 ซม.สำหรับปลูกได้เลยในรายที่มีความพร้อมด้านระบบน้ำ
นายสุภักดิ์ เศวตวิษุวัติ อดีตนายอำเภอเวียงแก่น จ.เชียงราย ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริษัทกระท่อมไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ตน และนายบรรเจิด สาริพัฒน์ รองประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นอดีตนายอำเภอรุ่นเดียวกัน ได้รับการชักชวนให้ดำเนินโครงการนี้เพื่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชนในภาคเหนือ ซึ่งตนก็ใช้เวลาพิจารณานานมากเพราะทำงานในพื้นที่มาก่อน หากไม่ดีอาจส่งผลต่อชื่อเสียงได้
เมื่อศึกษาข้อมูลมาอย่างดีแล้ว เห็นว่าสามารถนำกระท่อมมาแปรรูปเป็นชามีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ เช่น นอนหลับได้ดี ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฯลฯ ล่าสุดตนได้พูดคุยกับเครือข่ายในประเทศจีนก็ทราบว่ามีความต้องการสินค้าประเภทนี้มากจึงได้นำบริษัทลงนามเอ็มโอยูในครั้งนี้ ซึ่งต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนตั้งแต่การส่งเสริมการปลูก การรับซื้อ การจัดทำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) และผลักดันไปสู่การส่งออกต่อไป
ด้านนายบรรเจิดกล่าวว่า จากการหารือกับเครือข่ายในจีนพบว่านิยมบริโภคใบกระท่อมแบบชงเป็นชา จึงถือเป็นจุดเด่นหรือไฮไลต์ของสินค้าชนิดนี้ ดังนั้นสินค้าตัวแรกที่จะส่งเข้าไปยังประเทศจีนจึงเป็นลักษณะใบชาก่อน นอกจากนี้ ในการแพทย์แผนจีนยังมีส่วนผสมของกระท่อมเป็นจำนวนมาก หากมีการจัดทำผลิตภัณฑ์และได้รับ อย.แล้วก็จะส่งออกเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ยังไม่สามาถแจ้งยอดสั่งซื้อได้ เนื่องจากต้องรอให้ได้ผลิตภัณฑ์และ อย.ก่อน