สุรินทร์ - ผู้ว่าฯ เมืองช้างนำ ขรก -ปชช. ประกอบพิธีเซ่นไหว้ศาลประกำ ขอขมาพระยาสุรินทร์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุรินทร์ที่ได้พลาดพลั้งล่วงเกิน พร้อมประกอบพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลสงบสุขร่มเย็นแก่บ้านเมือง หลังนำกลุ่มฤาษีและเณรแอทำพิธีเปิดเมืองด้วยคุณไสยมนต์ดำผิดประเพณีวัฒนธรรม ปชช.ชาวสุรินทร์ไม่พอใจหวั่นเกิดอาเพศ
วันนี้ (17 ธ.ค.) ความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ ร่วมงานพิธีเปิดเมือง บริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ที่หน่วยงานรับผิดชอบการจัดงานแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ ประจำปี 2564 และงานช้างแฟร์ จัดขึ้น โดยมีการนำฤาษี 3 ตน หมอธรรม ร่างทรงเทพ หมอผีต่างๆ และหญิงนุ่งขาว รวมถึงอดีตสามเณรแอ อดีตจอมขมังเวทย์ย่างศพเด็กทารก และอดีตนักโทษชื่อดัง มาร่วมทำพิธี สร้างความแปลกใจแก่ชาวสุรินทร์ที่เข้าร่วมพิธีบวงสรวง ที่ต่างสงสัย และตั้งคำถามกันเป็นอย่างมากว่าปีนี้มีฤาษีและร่างทรงมาร่วมงานด้วย พร้อมบอกว่ามาเปิดบ้านเปิดเมืองไล่โควิด-19 จนประชาชนชาวสุรินทร์และชาวโซเชียลมีเดียต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะนิมนต์พระเกจิอาจารย์ หรือหมอช้าง มาร่วมงานทำพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เมืองมากกว่า ไม่ควรนำ หมอผี คุณไสย หรือมนต์ดำ มาทำพิธีเปิดบ้านเปิดเมือง เพราะไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง หวั่นจะเกิดอาเพศ เกิดสิ่งอัปมงคลขึ้นในจังหวัดสุรินทร์ได้นั้น
ล่าสุดวันนี้ เวลา 09.30 น. นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้นำหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ ประกอบพิธีเซ่นไหว้ขอขมาศาลปะกำเมืองสุรินทร์ ซึ่งชาวช้างถือเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง หากชาวช้างจะประกอบกิจการใดต้องเซ่นไหว้ศาลปะกำด้วยอาหารคาวหวาน น้ำดื่ม ผลไม้ ดอกไม้สด ศาลปะกำ และเชือกปะกำ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวช้างสุรินทร์ให้ความเคารพและเซ่นไหว้ก่อนออกคล้องช้างหรือทำกิจกรรมอื่นๆ เกี่ยวกับช้าง และบทสวดพิธีกรรมเป็นภาษาชาวกูยของพ่อหมอเฒ่าเมืองสุรินทร์ เพื่ออัญเชิญผีปะกำและวิญญาณบรรพบุรุษรับเครื่องเซ่นไหว้พร้อมกับขอพรเพื่อให้มีโชคลาภ และเสี่ยงทายผลที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรม ซึ่งอยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้ประกอบพิธีเซ่นไหว้บวงสรวงขอขมา พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จากวาง ผู้สร้างเมืองสุรินทร์ โดยกล่าวว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายได้กระทำการประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เจ้าพ่อหลักเมือง ปะกำเมือง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาจังหวัดสุรินทร์ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดรับทราบและเป็นพยานว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายขอขมาต่อสิ่งที่ได้ประมาทพลาดพลั้งไป พร้อมทั้งนี้ได้จัดเครื่องบวงสรวงสักการะ อันเป็นมงคลทั้งหลายทั้งปวงนี้ถวายแด่ท่านพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เจ้าพ่อหลักเมือง ปะกำเมือง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาจังหวัดสุรินทร์ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโปรดยกโทษ และให้อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อความสงบสุข ร่มเย็น ความเป็นสิริมงคลแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และจังหวัดสุรินทร์ด้วยเทอญ
หลังจากนั้นได้ประกอบพิธีทางศาสนา โดยนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 65 รูปร่วมพิธี และพระสงฆ์จำนวน 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์ นำโดย พระราชสุตาลังการที่ปรึกษาคณะสงฆ์จังหวัดสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดพรหมสุรินทร์ จากนั้นถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์จำนวน 65 รูป และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วเพื่อเป็นการขอขมา เพื่อให้การดำเนินกิจการใดๆ และความสุขสงบร่มเย็น เจริญรุ่งเรืองของชาวสุรินทร์ตลอดไป
นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากประกอบพิธีเซ่นไหว้ศาลปะกำ พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง และพิธีทางสงฆ์แล้วมีความสบายใจขึ้น ผู้ที่มาร่วมงานจะเห็นว่าเมื่อวันก่อนแดดร้อนมาก วันนี้ได้รับความร่มเย็น ลมแดดหายไปหมด เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองสุรินทร์ท่านได้รับทราบที่พวกเรามาขอขมา ความร่มเย็นกลับคืนมาให้ชาวสุรินทร์
หลังจากนี้ไปการจัดงานช้างจะราบรื่น ตามวัตถุประสงค์ จังหวัดสุรินทร์ก็จะมีความรุ่งเรือง รื่นรมย์ และร่ำรวย หลังจากขอขมา เนื่องจากที่ผ่านมาทุกคนไม่สบายใจ และตนก็ไม่สบายใจ สิ่งที่ทำนี้คือการเรียกคืนความสบายใจให้ชาวสุรินทร์ ซึ่งเราได้ทำให้ทุกคนสบายใจแล้ว
นายกมล นิวัฒน์บรรหาญ อายุ 74 ปี ชาวเมืองสุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ได้ประกอบพิธีในวันนี้ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งที่ลูกหลานชาวสุรินทร์ที่ได้มีส่วนร่วมในการเจริญพระพุทธมนต์ บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองสุรินทร์ ดีใจที่ทางพ่อเมืองให้เกียรติ มีส่วนร่วมประกอบพิธีในวันนี้ ทุกคนมีความตั้งใจทำดีทุกคน ไม่ว่าใครต่อใคร เพราะที่ตรงนี้ ส่วนรวมที่มีทั้งดีและไม่ดี มันจะมีอยู่ทั่วไป เหมือนกับเราจะทำอะไรก็จะมีเรียกสัมภเวสีมา ทุกอย่างก็จะมีปนเปกันเป็นเรื่องธรรมดา
"ในมุมมองของผมมันมีตัวแทรกมาเราไม่รู้ว่ามันมาแทรกได้อย่างไร เราไม่ได้ตำหนิหรอกว่าใครดีไม่ดี ทุกสิ่งมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แล้วแต่คนว่าจะชอบหรือไม่ชอบ บางทีเราไม่ชอบสิ่งไม่ดี เราชอบแต่สิ่งดีๆ ลูกหลานชาวสุรินทร์ วันนี้ได้มาประกอบพิธีแล้ว มาขอขมาแล้วเราก็สบายใจ โล่งอกกันทุกคน และอย่าไปคิดมาก บางอย่างต้องปล่อยไปตามกระแสลม"
นายสมศรี บุญมี นักวิชาการภูมิปัญญาท้องถิ่นสุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกมาก เพราะปกติพิธีกรรมแบบนี้ต้องมีพ่อพราหมณ์มาประกอบพิธี ถ้าจะมีรำก็รำบวงสรวง มีอะไรที่แปลกเข้ามาคือตกใจ บ้านเราไม่ได้เคารพฤาษี แต่เคารพในสิ่งที่เคยนับถือมา แต่นี่มาเยอะด้วยและแปลกด้วย ทำพิธีนานด้วย ตอนนั้นตนมาประชุมที่สาธารณสุข อยู่ชั้น 4 ยืนดูอยู่แล้วก็ลงมาดูที่งาน เห็นว่าแปลก ช่วงเช้ามีการทำพิธีบวงสรวง หมอช้างทำพิธีเสร็จ พอมีการทำพิธีเปิดเมืองต่อเลยอดสงสัยไม่ได้ เป็นพิธีการที่นานและตั้งใจทำ เจตนาเขาก็ตั้งใจและแปลกด้วย เพราะไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน ความเชื่อเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนก็ใช่ แต่บางพื้นที่เขาปลูกฝังกันมานาน มันจะขัด แต่ถ้าเป็นสิทธิ์ก็ทำได้ แต่ถ้าเรามีอโหสิกรรมให้กัน ก็ถือเป็นบทเรียน จะทำอะไรในอนาคตต้องพิจารณาให้ดีและรอบคอบต่อประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้นๆ ไว้ให้ดี