เลย - ผู้ว่าฯ เลยเตือนเกษตรกรชาวไร่อ้อยปีนี้ห้ามเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาลอย่างเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนเจอแจ้งดำเนินคดี เผยปัญหามลภาวะ PM 2.5 พุ่งสูงขึ้นทุกปีเพราะการลักลอบเผาอ้อย ย้ำนายอำเภอ ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 14 อำเภอต้องสอดส่องดูแลให้ทั่วถึง
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ จ.เลย นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้มีคำสั่งให้นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ทั้ง 14 อำเภอ เฝ้าระวังการลักลอบเผาอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย พร้อมให้ตรวจตราและจับดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หลังโรงงานน้ำตาลที่มีอยู่ 2 โรงในพื้นที่ได้เริ่มเปิดหีบรับซื้ออ้อยในวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา หวั่นปัญหาหมอกควัน และทุกปีประชาชนทั้งจังหวัดต้องได้รับความเดือดร้อนจากหิมะดำ เขม่าขี้เถ้าฟุ้งกระจายไปทั่วเมือง และพบปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 มีค่าสูงขึ้นทุกปีในฤดูกาลเปิดหีบอ้อยของโรงงาน
นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ทางโรงน้ำตาลซึ่งในจังหวัดเลยมีจำนวน 2 โรงงาน ได้เริ่มเปิดหีบอ้อยและรับซื้ออ้อยจากเกษตรกรแล้ว โดยในจังหวัดเลยมีผู้ปลูกอ้อยอยู่ 2 ลักษณะ คือ ปลูกแบบรักษาสิ่งแวดล้อม ใช้เครื่องจักรในการตัดอ้อยส่งโรงงาน กลุ่มนี้ไม่ค่อยพบปัญหา แต่อีกกลุ่มและเป็นเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ยังอาศัยแรงงานตัดอ้อยเป็นหลัก กลุ่มนี้ทุกปีจะสร้างปัญหาให้สิ่งแวดล้อม เนื่องจากขาดแคลนแรงงาน กลัวตัดส่งโรงงานไม่ทัน จึงมักง่าย ไม่คำนึงถึงผลเสียต่อสภาพแวดล้อม แก้ปัญหาด้วยการเผาไร่อ้อย ฝุ่นขี้เถ้าฝุ่นจิ๋วฟุ้งกระจายในอากาศ
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงต้องฝากไปยังนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ใน 14 อำเภอ ให้เฝ้าระวังการลับลอบเผาอ้อยในฤดูเปิดหีบอ้อย ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่มักเก็บเกี่ยวโดยใช้วิธีการเผา ถือเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.สาธารณสุข เป็นการสร้างมลภาวะ PM 2.5 สร้างมลพิษที่รุนแรงมาก ซึ่งจังหวัดเลยภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ทำให้เกิดภาวะได้รุนแรงกว่า
“ในปีนี้จึงขอวิงวอนให้พี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยงดการเผาให้ได้ 100% หากในปีนี้ยังมีการเผาอยู่อีก ทางจังหวัดจะได้ใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดเด็ดขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ต้องงดเผาทุกกรณี ไม่มีข้ออ้างใดๆ” นายชัยธวัชกล่าว