ศรีสะเกษ- ญาติเศร้าตั้งบำเพ็ญกุศลศพเมียทหารปืนโหดที่บ้านเกิด 3 วัน ก่อนฌาปนกิจ พี่สาวเผยน้องสาวเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว ลูกน้อย 2 คน และตายาย ระบุไม่รับคำฝากขอโทษจากครอบครัวทหาร หากจะขอโทษต้องมาด้วยตัวเอง พร้อมขอขมาศพ รวมทั้งขอขมาพ่อแม่และครอบครัว
วันนี้ (10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุสลด พลอาสาประยงค์ สมพงษ์ ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. รัวยิง น.ส.เชาวนี อารีย์ ภรรยา อย่างโหดเหี้ยมถึง 8 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ หน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากแค้นที่ถูกภรรยาสาวขอหย่า จากนั้นได้หลบหนีไปใช้อาวุธกระบอกเดียวกัน ยิงตัวตายที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ล่าสุดญาติได้นำศพของ พลอาสาประยงค์ ออกมาจากโรงพยาบาลศรีสะเกษ มาตั้งบำเพ็ญกุศล ที่ วัดพระใหญ่ ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษแล้ว พร้อมทั้งฝากขอโทษครอบครัวของฝ่ายหญิง ที่ต้องมาพบกับความสูญเสียจากการกระทำของพลอาสาประยงค์ในครั้งนี้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.20 น.วันนี้ ที่บ้านเขวา ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสันติชัย อารีย์ อายุ 63 ปี พร้อมด้วย นางถวิล อารีย์ อายุ 59 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.เชาวนี อารีย์ เหยื่อของทหารปืนโหด ได้ร่วมกับญาติพี่น้อง นำศพของ น.ส.เชาวนี ออกมาจากโรงพยาบาลศรีสะเกษ เดินทางมาถึงบ้านแล้ว โดยได้มีการประกอบพิธีทางศาสนา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ ได้มาทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิต เพื่อประกอบสำนวนคดีตามกฎหมาย ต่อมาญาติพี่น้องได้ใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าให้กับ น.ส.เชาวนี แล้วนำศพลงบรรจุในโลง ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด มีบรรดาญาติพี่น้องพากันมาร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก
นางเปรมวดี อารีย์ อายุ 40 ปี พี่สาวของ น.ส.เชาวนี กล่าวว่า จากการที่ทางฝ่ายทหารที่ก่อเหตุได้ฝากขอโทษมานั้น ตนขอฝากคำขอโทษส่งคืน หากจะมาขอโทษจะต้องมาด้วยตนเอง มาขอขมาศพ ขอขมาพ่อแม่และครอบครัวของตนที่ได้กระทำการอย่างโหดเหี้ยมกับน้องสาวของตนแบบนี้ ซึ่งจนถึงบัดนี้ ครอบครัวของผู้ก่อเหตุยังไม่ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือครอบครัวของตนแต่อย่างใด พวกตนได้ปรึกษาหารือกันแล้วว่า จะตั้งศพบำเพ็ญกุศล จำนวน 3 วัน จากนั้นจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ทั้งนี้เนื่องจากว่า ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงไม่สามารถที่จะตั้งศพบำเพ็ญกุศลได้หลายวัน
นางเปรมวดี กล่าวต่อว่า น.ส.เชาวนี น้องสาวของตน เป็นเสาหลักในการทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว โดยจะต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูก 2 คน ตายายอีก 2 คน ซึ่งเมื่อต้องมาสูญเสียเสาหลักไปเช่นนี้ ได้ทำให้ครอบครัวของ น.ส.เชาวนีได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากตายายแก่มากแล้ว ไม่สามารถทำมาหากินได้ หลาน 2 คนที่กำลังเรียนหนังสือก็ต้องกำพร้าแม่ ตนและครอบครัวยังไม่รู้เลยว่าจะสู้ชีวิตต่อไปได้หรือไม่อย่างไร