ตราด –หน. สนง.ประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ตราด เผยกลลวงล่อเยาวชนจันท์-ตราด ติดกับกลุ่มทุนจีนหลอกทำงานบ่อนพนันผิดกฏหมายในกัมพูชาแค่ใช้รายได้สูง 30,000 บาทล่อเหยื่อได้เพียบ ก่อนบังคับทำงานขายสินค้าลวงคนไทยอีกทอด ทำไม่ได้ถูกกักขัง-ขายต่อ ล่าสุดช่วยกลับบ้านได้อีก 5 ราย
วันนี้ ( 29 พ.ย.) พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.ตราด พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผบก.ภ.จว.ตราด และ น.อ.ยอดธง พัดประดิษฐ หัวหน้าหน่วยสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำพื้นที่ตราด, เจ้าหน้าที่ ฉก.นย.182, ด่านศุลกากรคลองใหญ่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันรับตัวคนไทยถูกหลอกทำงานในบ่อนกาสิโนของกลุ่มทุนจีนในเขตเศรษฐกิจพิเศษดาราสาคร จ.เกาะกง จำนวน 5 ราย
ประกอบด้วยเยาชนใน จ.ตราด จำนวน 3 รายคือ นายมนตกานต์ นาเอก อายุ 16 ปี ,น.ส.นันทนา พงษ์ไทย อายุ 19 ปี และนายอิศเรศ อัคลา อายุ 18 ปี ส่วนคนไทยอีก 2 รายเป็นชาว จ.จันทบุรี คือ น.ส.ปานตะวัน บุญส่ง อายุ 21 ปี และ น.ส.วาสนา วงษ์เสนา อายุ 33 ปี
โดยชาวไทยทั้งหมดได้เดินทางด้วยรถยนต์จากจุดตรวจคนเข้าเมืองบ้านจามเยี่ยม อ.มณฑลเสมา จ.เกาะกง ตั้งแต่เวลา 11.00 น.ที่ผ่านมาและได้เดินทางเข้ามายังจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ที่มี พ.ต.ท.อนงค์นาฎ กลันทกพันธ์ รองผกก.ตม.ตราด รอต้อนรับ พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคลองใหญ่ เพื่อรับตัวไปกักตัวหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงแรมเขาสมิง พาราไดซ์
น.อ.ยอดธง พัดประดิษฐ หัวหน้าหน่วยสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ตราด เผยว่าเยาวชนที่ถูกหลอกไปทำงานในบ่อนพนันผิดกฏหมายจะมีนายหน้าเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายรายละ 35,000 บาท ซึ่งบ่อนกาสิโนที่กลุ่มทุนชาวจีนเช่าดำเนินงานอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษดาราสาคร ที่รัฐบาลกัมพูชา จะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
และทุกคนจะถูกบังคับให้หารายได้ตามเป้าหมายรายละ 50,000-100,000บาทต่อเดือน หากทำไม่ได้จะถูกกักขัง หรืออาจถูกข่มขู่ทำร้ายและถูกส่งขายไปยังกลุ่มทุนจีนรายอื่นๆที่มีเครือข่ายในกัมพูชา
“ หลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือทางหน่วยงานต่างๆ จึงแจ้งไปยังผู้ว่าราชการ จ.ตราด เพื่อขอให้ช่วยติดต่อไปยังผู้ว่าราชการ จ.เกาะกง เพื่อขออำนวจจากกระทรวงมหาดไทย กัมพูชา นำตัวคนไทยที่ถูกหลอกออกมา” น.อ.ยอดธง กล่าว
ขณะที่ น.ส.ปานตะวัน บุญส่ง 1 ในเหยื่อคนไทยถูกหลอกบอกว่าตนเองได้รับการติดต่อให้เข้าไปทำงานในบ่อนพนันออนไลน์ผิดกฏหมายที่มีรายได้เดือนละ 30,000 บาท ซึ่งตลอดเส้นทางการหลบหนีเข้าเมืองกัมพูชาโดยผิดกฏหมายจะมีคนไทยคอยประสานงานรับ-ส่งตลอดการเดินทาง
“ แต่เมื่อเข้ามาทำงานในกาสิโนของกลุ่มทุนจีนแล้ว ยังต้องทำงานขายสินค้าผ่านออนไลน์และชวนคนไทยให้ร่วมเข้ามาลงทุนด้วย และเมื่อมีการซื้อสินค้ามากขึ้นก็จะปิดบัญชีหนี ซึ่งตนเองไม่ต้องการทำงานในลักษณะนี้จึงได้ประสานขอความเหลือจากหน่วยงานไทยเพื่อให้ช่วยนำตัวกลับบ้าน และขอเตือนคนไทยทุกคนที่ต้องการเดินทางไปทำงานในประเทศกัมพูชาในลักษณะเดียวกันว่า ไม่ใช่งานที่ดีเหมือนอย่างที่มีการเชิญชวน” น.ส.ปานตะวัน กล่าว