ฉะเชิงเทรา- คดีไม่คืบ! ชาวบ้านเสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา รวมตัวกดดัน ตร.-หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งตามตัวคนร้ายงัดกุฏิขโมยทรัพย์สินกว่า 1 ล้านบาทรวมทั้งพระหลวงพ่อโสธร พ.ศ.2497 ภายในวัดสนามช้าง หนีลอยนวลกว่า 2 เดือน
จากกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กว่า 50 คนรวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้ากุฎิพระชัยรัตน์ ธมฺมรตโน รักษาการณ์ เจ้าอาวาสวัดสนามช้าง เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องชี้แจงความคืบหน้าเหตุคนร้ายบุกงัดกุฏิพระและโจรกรรมทรัพย์สินขณะพระสงฆ์ภายในวัดรับกิจนิมนต์ จนได้ทรัพย์สินและเงินเก็บของพระสงฆ์ในวัดฯ ไปกว่า 1 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังพบว่าพระเครื่องและพระบูชา ที่มีความเก่าแก่และมีมูลค่า อาทิ พระพุทธรูปบูชาหลวงพ่อโสธรยุค พ.ศ.2497 ได้ถูกขโมยไปด้วย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาแต่ขณะนี้ยังไม่มีความแม้กล้องวงจรปิดภายในวัดฯ จะสามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจนก็ตาม
ล่าสุด พ.ต.อ.พรชัย กิตติชญาน์ธร ผกก. สภ.บางคล้า เผยถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้ายหลังผลตรวจดีเอ็นเอ ที่ตรวจพบบนวัตถุพยานไม่ตรงกับของผู้ต้องสงสัยที่ถูกนำตัวมาสอบสวนก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจและได้วางแนวทางการสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งการสืบค้นหาภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางคล้า ได้พยายามที่จะทำคดีนี้ให้เร็วที่สุดและได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าวในทุกวัน
นอกจากนั้นยังได้เตรียมที่ขอกำลังไปยังทางสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ให้ช่วยลงพื้นที่แกะรอยหาตัวคนร้าย
“ ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้านว่าจะได้ตัวคนร้ายโดยเร็วหรือไม่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามที่อย่างเต็มที่และได้ไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดไปจนถึงพื้นที่ สภ.แปลงยาว ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นชุมชนขนาดใหญ่จึงได้ให้ สภ.แปลงยาว ช่วย ติดตามหารถที่มีลักษณะเดียวกันกับรถคันที่คนร้ายใช้ขี่เข้ามาก่อเหตุภายในวัดฯแล้ว”
ผกก. สภ.บางคล้า ยังเผยอีกว่าจากการสืบสวนในเบื้องต้นยังไม่พบว่าคนภายในวัดฯ มีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามหากได้ตัวคนร้ายก็จะต้องทำการสอบสวนหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำรักษาการณ์เจ้าอาวาส เพียงรูปเดียวเท่านั้น
เนื่องจากพยานแวดล้อมภายในวัดฯ ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์จะมีแค่เพียงคนสนิทของรักษาการณ์เจ้าอาวาสที่ทราบเรื่องหลังคนร้ายลงมืองัดกุฏิ และถูกขโมยทรัพย์สินไปแล้วเท่านั้น