กาญจนบุรี - พม่าทะลักชายแดนกาญจน์ 2 วันจับได้ 101 คน เผยตัองจ่ายค่าหัวหลักหมื่น ส่วนใหญ่มุ่งหน้าทำงานที่ กทม.สมุทรสาคร และพื้นที่จังหวัดชั้นในอีกหลายจังหวัด คาดมีทะลักเข้ามาอีก
จากกรณี พล อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้พื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และป้องกันการค้ามนุษย์ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็น 1 ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาเป็นระยะทาง 317 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออก 43 ช่องทาง
โดยนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9/ผบ.กกล.สุรสีห์ พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้รับนโยบายและสั่งการเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละสังกัดปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
ล่าสุดวันนี้( 24 พ.ย.) พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้บูรณาการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อยทหารพราน ที่ 1404 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.กาญจนบุรี จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเป็นชาย จำนวน 17 รายได้ ที่บริเวณไร่อ้อยริมถนนบ้านตะเคียนงาม- ห้วยน้ำขาว หมู่ 15 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี โดยไม่มีผู้นำพา หรือผู้ให้การช่วยเหลือ และพบไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์
จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าแรงงานทั้ง 17 ราย เป็นชาว จ.พะโค จุดมุ่งหมายต้องการไปทำงานในเขตพื้นที่ กทม.และทุกคนไม่เคยเข้ามาทำงานในประเทศไทยมาก่อน ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้บูรณาการร่วมกันผลักดันกลับสู่ประเทศด้วยการใช้ช่องทางผ่านแดนถาวร บ้านพุน้ำร้อน และจุดผ่อนปรนช่องทางบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ในการประชุมศูนย์สั่งการชายแดน จังหวัดกาญจนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเดียวกันเมื่อเวลา 17.15 น.ของวันนี้ 23 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันลาดตระเวน ไปตามช่องทางบ้านห้วยน้ำขาว หมู่ 2 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สามารถจับกุมแรงงานชาวเมียนมา ได้อีก จำนวน 31 คน เป็นชาย 16 คน และหญิง 15 คน
จากการสอบถามแรงงานทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากหลายพื้นที่ของประเทศเมียนมา เช่น จ.ทวาย จ.ยะไข่ จ.เมาะลำใย และ จ.พะโค ก่อนเดินทางข้ามชายแดนมายังฝั่งไทยได้จ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นคนชาติเดียวกันไปแล้วคนละ 20,000 บาท เพื่อให้นำพาไปทำงานที่ จ.นครปฐม และ จ.สมุทรสาคร แต่ก็มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมแรงงานชาวเมียนมา ได้ที่บริเวณบ้านใหม่ห้วยน้ำขาว หมู่ 15 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 13 คน เป็นชาย 9 คน และหญิง 4 คน ซึ่งกลุ่มแรงงานให้การในเบื้องต้นว่า พวกตนเดินทางมาจาก จ.ทวาย จ.มะกเว จ.ย่างกุ้ง และ จ.พะโค ประเทศเมียนมา โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าคนละ 17,000 - 25,000 บาท/คน การลักลอบเข้ามาในประเทศไทยเพื่อต้องการเดินทางไปทำงานที่ จ.ชลบุรี จ.นนทบุรี จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรปราการ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ กกล.สุรสีห์ โดยหน่วย ฉก.ลาดหญ้า ได้สนธิกำลัง ลาดตระเวน-ซุ่มตรวจ ร่วมกับ ร้อยทหารพราน 1402 เจ้าหน้าที่ร้อยเคลื่อนที่เร็ว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย.ตชด.134เจ้าหน้าที่ ตม.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.สังขละบุรี และ ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี ได้จับกุมแรงงานชาวเมียนมาได้ที่บริเวณบ้านหม่องสะเทอ หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จำนวน 16 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 6 คน ทั้งหมดเป็นชาวกิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าคนละ 18,000 บาท เพื่อเข้าไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร
และเวลา 21.00 น.ของวันที่ 23 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันนี้ ได้ร่วมกันออกลาดตระเวน และสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ได้ที่บริเวณบ้านซองก้ารีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จำนวน 24 คน เป็นชาย 18 คน หญิง 6 คน ทุกคนให้การว่า เป็นชาว จ.เมาะลำใย และย่างกุ้ง โดย ได้จ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าคนละ 23,000 บาท โดยจะเข้าไปทำงานที่ กรุงเทพฯ, จ.ลพบุรี และ จ.นครปฐม หน่วยได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิขั้นต้น ไม่พบผู้มีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส เเละนำตัวส่งพนักงานสอบสวน
สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งผลการจับกุมแรงงานชาวเมียนมาระหว่างวันที่ 23-24 พ.ย.64 รวม 2 วันสามารถจับกุมได้มากถึง 101 คน คาดว่าจะมีการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตามช่องทางแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน