ศูนย์ข่าวศรีราชา - เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจี้รัฐเร่งแก้ปัญหาวัตถุดิบราคาสูงต่อเนื่องก่อนเสียหายหนัก พร้อมวอนผู้บริโภคเข้าใจสถานการณ์
จากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่พุ่งสูงขึ้นแบบยกแผง ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง ปลายข้าว รำข้าว จนส่งผลต่อต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่สูงขึ้นประมาณ 20-30% ส่งผลให้เกษตรกรในภาคปศุสัตว์กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จนทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาก่อนเสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ขณะที่เกษตรผู้เเลี้ยงหมูยังต้องพบกับความยากลำบากจากสถานการณ์โรครุมเร้า และพิบัติภัยน้ำท่วมหนัก จนทำให้ผู้เลี้ยงหลายรายพากันเลิกเลี้ยงเพราะทนกับภาวะขาดทุนไม่ไหว จนส่งผลให้ปริมาณหมูลดน้อยลงนั้น
วันนี้ (9 พ.ย.) นายเสน่ห์ นัยเนตร เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรใน จ.ฉะเชิงเทรา ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สูงถึง 11 บาทต่อกิโลกรัม และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งถึง 12 บาท รวมถึงราคาปลายข้าวที่แพงมากกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงพืชอาหารสัตว์ทุกชนิดที่มีราคาแพงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตเนื้อหมูเข้าสู่ตลาด เนื่องจากการเลี้ยงหมูหนึ่งตัวมีต้นทุนค่าอาหารมากถึง 65%
ขณะเดียวกัน ในขณะนี้ฟาร์มหมูหลายแห่งยังประสบปัญหาโรคระบาด PRRS ทำให้เกษตรกรต้องใช้เงินลงทุนในการป้องกันโรคซึ่งใช้งบสูงมาก สวนทางกลับราคาขายที่ตกต่ำ และหากฟาร์มเลี้ยงหมูใดใกล้เกิดโรคต้องรีบขายหมูทิ้งในราคาไม่คุ้มทุน
"ตอนนี้รายย่อยจากที่มีแสนกว่ารายเลิกเลี้ยงกันไปมากแล้ว และไม่รู้จะเหลือรอดถึง 20,000 รายหรือไม่ ซ้ำร้ายในบางพื้นที่ยังเจอน้ำท่วมฟาร์มอีก จึงอยากขอให้รัฐเข้ามาช่วยจัดการในส่วนที่เป็นต้นทุนหลักก่อน นั่นคือราคาวัตถุดิบ เพื่อช่วยให้ต้นทุนไม่บานปลายไปกว่านี้"
และต้องขอวอนให้ผู้บริโภคเข้าใจด้วยว่าเนื้อหมูอาจขยับราคาสูงขึ้นบ้าง เป็นเพราะปริมาณหมูในท้องตลาดมีน้อยลงจากสถานการณ์ต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ เสรีรัตน์ยืนยง เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร จ.ยะลา กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า ผู้เลี้ยงหมูเผชิญความท้าทายมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องโรคระบาดที่ทำให้ปัจจุบันต้องแบกรับต้นทุนด้านการป้องกันโรคในฟาร์มค่อนข้างสูง และขณะนี้ยังต้องประสบปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้นมาก ยิ่งทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นไปอีกกว่า 20-30% แล้ว
แม้ปัจจัยของราคาวัตถุดิบอย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือกากถั่วเหลืองจะแพงขึ้นจากตลาดโลก แต่ส่วนหนึ่งคือผลพวงจากการบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ภายในประเทศด้วย
“ข้าวเปลือกมีราคาถูกมากราว 5-6 พันบาท/ตัน ราคาปลายข้าวสำหรับทำอาหารสัตว์ควรจะอยู่ที่ 7-8 บาท/กก. แต่ปัจจุบันปลายข้าวกลับมีราคาถึง 10 กว่าบาทโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือข้าวโพดที่มีการประกันราคารับซื้อให้เกษตรกรผู้ปลูกพืชขั้นต่ำที่ 8.00 บาท/กก. แต่ไม่มีการกำหนดราคาขั้นสูง ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นถึง 11 บาท ซ้ำเติมต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ ในเมื่อปล่อยราคาข้าวโพดได้แบบนี้ ก็ควรปล่อยราคาขายของฟาร์มตามต้นทุนที่เกิดขึ้นด้วย จึงจะสอดคล้องและเป็นธรรม” นายเกรียงศักดิ์ กล่าว