บุรีรัมย์ - อดีต ส.อบต.ไทยสามัคคี จ.บุรีรัมย์ กังขาหอบหลักฐานบุกร้อง ป.ป.ช.จี้ตรวจสอบเอาผิดอดีตนายก อบต.ไทยสามัคคี หนีหมายจับคดีทุจริตถูกชี้มูลความผิดทั้งอาญาและวินัยจนหมดอายุความ แต่ระหว่างหลบหนีกลับเบิกจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนและเงินประจำตำแหน่งปกติ แถมยังลงสมัครฯ ชิงเก้าอี้นายก อบต.ที่จะมีขึ้น 28 พ.ย.นี้ได้อีก
วันนี้ (9 พ.ย.) นายสนิท บุญทวี อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ไทยสามัคคี อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ให้เร่งรัดตรวจสอบเอาผิดอดีตนายก อบต.ไทยสามัคคี พร้อมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติด้วยว่าเป็นบุคคลที่ต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากอดีตนายก อบต.คนดังกล่าวมีพฤติกรรมหนีหมายจับคดีทุจริตหลายโครงการที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดทั้งอาญาและวินัยไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2562
ทั้งนี้ อดีตนายก อบต.ได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่จนคดีหมดอายุความ ซึ่งผู้ร้องระบุว่านอกจากจะกังขาที่อดีตนายกสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้จนคดีหมดอายุความแล้ว แต่ช่วงระหว่างที่หลบหนีการจับกุม ทำไมอดีตนายกยังมีการเบิกจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทน และเงินประจำตำแหน่งตามปกติ และเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ยังโผล่ไปลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งเก้าอี้นายก อบต.ที่จะมีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 28 พ.ย. 2564 ที่จะถึงนี้ได้อีกด้วย โดยที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิว่าเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติแต่อย่างใด จึงอยากให้ ป.ป.ช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีพยานหลักฐานว่าอดีตนายก อบต.กระทำผิดจริง ควรจะดำเนินคดีตามกฎหมายและถอดจากการเป็นผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกด้วย
นายสนิทยังยืนยันว่า ที่ตนมาร้องเรียนให้ตรวจสอบเอาผิดอดีตนายก อบต.นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เพราะตนไม่ใช่ผู้สมัครคู่แข่งและประกาศจะไม่เล่นการเมืองอีก แต่ที่มาร้องเพราะอยากให้เกิดความถูกต้องในสังคม ผู้ที่กระทำผิดหรือทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดินควรจะได้รับโทษตามกฎหมาย ทั้งจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นอีก
ด้าน น.ส.สุรีรัตน์ นวลฉิมพลี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า กรณีที่มีการร้องเรียนอดีตนายก อบต.ไทยสามัคคีกระทำทุจริตนั้น ทาง ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดทั้งอาญาและวินัยไปแล้ว ทั้งได้ยื่นขอศาลอนุมัติออกหมายจับอดีตนายก อบต.ด้วย แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีหมายจับจนคดีหมดอายุความเมื่อปลายเดือน พ.ย. 2562 ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่สามารถจะดำเนินการอะไรได้เพราะตามกฎหมายฉบับเดิมระบุไว้แบบนั้น
ส่วนกรณีที่อดีตนายก อบต.ยังไปเซ็นงาน เบิกเงินเดือน ค่าตอบแทน และเงินประจำตำแหน่งช่วงที่หลบหนีหมายจับนั้นซึ่งถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทาง ป.ป.ช.ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบได้ข้อมูลมาพอสมควร หากพบข้อมูลหลักฐานว่ากระทำผิดจริงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่ผู้ร้องขอให้พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของอดีตนายกว่าเป็นบุคคลต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบต.หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทาง กกต.ว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.