พิษณุโลก - ผบช.สอบสวนกลาง นำทีมกองปราบปราม ยึดโกดัง-ทลายแก๊งรับจำนำรถรีดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือด พบมีเงินหมุนเวียนเกือบ 50 ล้าน-รถยนต์/จักรยานยนต์ จอดเต็มรวมกว่า 160 คัน กว่า 49 ล้านบาท ขณะที่ผู้เสียหายทยอยนำรถคืน
วันนี้ (29 ต.ค.64) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง , พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อม พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก. 4 บก.ป. ได้เดินทางไปที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อติดตามคดีกวาดล้างแก๊งปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด-หนี้นอกระบบ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้สืบสวนหาข้อมูลผ่านทางออนไลน์ พบเพจ Face book ชื่อ "รับจำนำรถ พิษณุโลก อนุมัติง่าย วงเงินสูง car for money'" มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับบุคคลทั่วไป โดยให้ลูกหนี้นำรถมาค้ำประกัน
เมื่อสืบสวนเพิ่มเติม จึงทราบว่ากลุ่มนายทุนได้นำรถที่ได้จากการรับจำนำ มาเก็บรักษาไว้ที่โกดังไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ที่ ม.5 ถ.มิตรภาพ ต.พลายชุมพล อ.เมืองพิษณุโลก โดยมีรถยนต์-รถจักรยานยนต์ ขับเข้าออกบริเวณโกดังฯ แทบทุกวัน ลักษณะมีพิรุธต้องสงสัย จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล
จากนั้นนำหมายคันศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ 201/2564 ลงวันที่ 13 ก.ย.2564 เข้าตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ดังกล่าว ในวันที่ 14 ก.ย.2564 พบรถยนต์ 84 คัน รถจักรยานยนต์ 79 คัน รวม 163 คัน จอดซุกช่อนอยู่ภายในโกดังดังกล่าว โดยมีนายแชมป์ อายุ 30 ปี , นายเขต อายุ 38 ปี และนายเวฟ อายุ 20 ปี (ขอสงวนชื่อสกุล) แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองโกดัง
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า กองบังคับการปราบปรามสืบทางเพจ Face book ดังกล่าว รวมทั้งได้ล่อซื้อ จนทราบชัดว่ามีการนำรถที่จำนำมาเก็บรักษาไว้ที่โกดังแห่งนี้ กระทั่งเข้าจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ โดยผู้ต้องหาคือ นายเขต และนายเวฟ ให้การรับสารภาพว่าเป็นลูกจ้างของนายแชมป์ มีหน้าที่รับรถจากลูกค้ามาเก็บรักษาไว้ภายในโกดัง เมื่อลูกค้าจะไถ่รถคืนก็จะนำรถไปส่งมอบตามจุดที่นัดหมาย ได้ค่าตอบแทนเป็นรายเดือนๆละ 15,000 บาท
ขณะที่นายแชมป์ และนายหยิม รับสารภาพว่าร่วมกันปล่อยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าทั่วไปผ่านเพจ face book ดังกล่าวจริง คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน คิดค่าจอดรถจักรยานยนต์ 300-500 บาท รถยนต์ 2,000 บาทต่อครั้ง โดยหักดอกเบี้ยและค่าจอดจากการกู้เงินครั้งแรกกับลูกค้าทันที
โดยนายหยิม ทำหน้าที่เป็นนายทุนฯ ส่วนนายแชมป์ เป็นผู้จัดการเรื่องการติดต่อ โอนเงินและทวงเงินกับลูกค้า ซึ่งจะได้ส่วนแบ่งจากนายหยิม คิดเป็นร้อยละ 3 ของกำไรที่ได้รับ ส่วนโกดังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่น ซึ่งผู้ต้องหาเช่าจากบุคคลอื่นในราคาเดือนละ 33,000 บาท เพื่อใช้เก็บรักษารถจำนำ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า จากตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า บัญชีธนาคารที่กลุ่มนายทุนใช้ในการกระทำความผิด ตั้งแต่ 1 ม.ค.2563 ถึงปัจจุบันนั้นมียอดเงินหมุนเวียนรวม 49,416,460 บาท
อย่างไรก็ตาม ตามนโยบายของรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ได้เปิดให้มีการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย แม้การรับจำนำรถเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจะเป็นความผิดก็ตาม แต่มูลหนี้ที่เกิดขึ้นลูกหนี้ยังมีภาระที่ต้องชำระคืน จึงเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มีการเจรจาประนอมหนี้และคืนรถให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ได้รับมอบอำนาจ
ซึ่งสามารถคืนรถให้แก่ประชาชนได้จำนวน 46 คัน (ทำสัญญาประนอมหนี้หรือสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่) / อยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยของบริษัทไฟแนนซ์,เจ้าหนี้และลูกหนี้ จำนวน 104 คัน / อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของตัวรถจากศูนย์พิสูจน์หลักฐานและกรมการขนส่งทางบก จำนวน 13 คัน
ส่วนทางคดีอาญานั้น ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ให้นายหยิม , นายแชมป์, นายเขต และนายเวฟ ฐาน“ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้นัดผู้เสียหายที่นำรถมาจำนำ นำเอกสารมาขอคืน เป็นรถยนต์ 15 คัน รถจักรยานยนต์ 8 คันรวมทั้งสิ้น 23 คัน ผู้เสียหาย เปิดเผยกับผู้สื่ขาาวว่า นำรถยนต์มาวาง(จำนำ)นานแล้ว เพราะต้องการเงินด่วน โดยก่อนหน้านี้ ได้นำทะเบียนไปจำนำไฟแนนซ์ แต่รถยนต์ยังใช้งานอยู่ และยังต้องการใช้เงินอีก จึงต้องนำรถที่ใช้ มาจำนำซ้ำอีก พร้อมยอมรับว่า กลุ่มเพื่นๆบางคนก็นำรถคันเดียวกันมาจำนำซ้ำถึง 3 รอบด้วยกัน