xs
xsm
sm
md
lg

“อาร์ต อิน พาราไดซ์ เชียงใหม่” พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติชื่อดังฮึดสู้โควิด-19 ทำ “กิมจิ” ขายช่วงไร้ นทท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - พิพิธภัณฑ์ภาพวาดสามมิติ “อาร์ต อิน พาราไดซ์” ที่เที่ยวชื่อดังเชียงใหม่ โดนพิษโควิด-19 เล่นงานหนักแทบไร้นักท่องเที่ยว ฮึดสู้ทำ “กิมจิ” รสเด็ดสูตรดั้งเดิมออกขาย หารายได้ประคับประคองพนักงานและค่าใช้จ่ายต่างๆ การันตีรสชาติ “ถูกปากคนไทย ถูกใจคนเกาหลี” ผลตอบรับดีเกินคาด ลูกค้าชิมแล้วต่างยกนิ้วชม แห่สั่งซื้อจนทำแทบไม่ทัน


“อาร์ต อิน พาราไดซ์ เชียงใหม่” (Art in Paradise Chiang Mai) พิพิธภัณฑ์ภาพวาดสามมิติแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในช่วงสถานการณ์ปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่ขาดสายเข้าเที่ยวชมภาพวาดสามมิติสุดอลังการกว่าร้อยภาพพร้อมกับถ่ายภาพที่ระลึกอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อพิพิธภัณฑ์เอกชนแห่งนี้ ทั้งการจำเป็นต้องปิดให้บริการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ขณะที่เมื่อเปิดให้บริการก็แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าชม ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และปรับตัวอย่างมากเพื่อประคองสถานการณ์ รวมทั้งดูแลพนักงานลูกจ้าง


อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าจากสถานการณ์ที่จำเป็นต้องช่วยกันลดรายจ่ายและหางานให้พนักงานทำในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวกลายเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ใหม่ในนามของ อาร์ต อิน พาราไดซ์ เชียงใหม่ ซึ่งแม้ไม่ใช่ศิลปะภาพวาดสามมิติ แต่อาจถือได้ว่าเป็นศิลปะอีกอย่างหนึ่งในเรื่องของอาหารการกิน นั่นคือ “กิมจิ” ผักดองสูตรดั้งเดิมตามแบบฉบับเกาหลีแท้ๆ ที่เจ้าของพิพิธภัณฑ์ชาวเกาหลีถ่ายทอดเคล็ดลับวิธีทำให้พนักงานช่วยกันทำเพื่อรับประทานกันเอง ก่อนขยายวงเป็นออกขายเล็กๆ น้อยๆ ในกลุ่มเพื่อนฝูงและผ่านทางช่องทางออนไลน์ให้พอมีรายได้เข้ามาบ้าง แต่ปรากฏว่าผลตอบรับจากผู้ที่ลิ้มลองรสชาติแล้วดีเกินคาด ทำให้มีการสั่งซื้อกันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายจนทำแทบไม่ทัน


นางสาวปาณณัฐฐา เพชรรดาพิพัฒน์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการอาร์ต อิน พาราไดซ์ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กิมจิ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของอาร์ต อิน พาราไดซ์ เชียงใหม่ ที่เริ่มทำออกขายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ทางพิพิธภัณฑ์ประสบปัญหาแบกรับภาระต้นทุนโดยเฉพาะค่าเช่าที่ที่เดิมในตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไหว จึงต้องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วยการย้ายออกมาเช่าที่ดินและก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดอยู่ชานเมืองบนแยกบวกครกศิวิไล ถนนเชียงใหม่-สันกำแพง (สายเก่า) ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยระหว่างเขียนงานศิลปะภาพสามมิติใหม่ทั้งหมด ต้องใช้กลุ่มจิตรกรจากประเทศเกาหลีใต้มาเขียนงานและกินนอนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นานหลายเดือน จึงต้องมีการทำอาหารเกาหลีจัดเลี้ยงดูแลทุกวัน


โดยพนักงานได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ปรุงอาหารเกาหลีตามที่เจ้าของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นชาวเกาหลีเป็นผู้สอนสูตรและแนะนำการปรุงให้จิตรกรรับประทาน ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้สำหรับมื้ออาหารของเกาหลีก็คือ “กิมจิ” ซึ่งทางเจ้าของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นชาวเกาหลีได้มอบหมายให้ทำเช่นกัน พร้อมถ่ายทอดวิธีการและเคล็ดลับการทำกิมจิต้นตำรับเกาหลีอย่างละเอียด ทั้งการคัดสรรวัตถุดิบและเครื่องปรุงส่วนผสม เกือบทั้งหมดเป็นเครื่องปรุงส่วนผสมที่ต้องนำเข้ามาจากประเทศเกาหลีใต้ ยกเว้นแต่เพียงผักเท่านั้น ขณะที่ขั้นตอนการทำนั้นเริ่มจากทำความสะอาดผักที่หลักๆ ใช้ผักกาดขาว พร้อมผสมเครื่องปรุงและส่านผสมต่างๆ นำมาคลุกเคล้ากับผักกาดขาวจนเข้ากันดี จากนั้นนำบรรจุใส่ภาชนะและเอาไปเก็บรักษาไว้ในตู้แช่เย็นที่รักษาระดับอุณหภูมิพอเหมาะหมักบ่มนาน 1 สัปดาห์ จะได้กิมจิรสชาติดีนำมารับประทานได้


ผู้จัดการอาร์ต อิน พาราไดซ์ เชียงใหม่บอกว่า ช่วงแรกการทำกิมจิดังกล่าวทำเพื่อเลี้ยงดูแลจิตรกรชาวเกาหลีที่มาเขียนงานศิลปะภาพสามมิติของพิพิธภัณฑ์เป็นหลัก ซึ่งได้รับคำชมว่ารสชาติดีเหมือนกินที่เกาหลีจริงๆ และมีบางส่วนแบ่งปันแจกจ่ายให้พนักงานนำไปรับประทานในครอบครัวรวมทั้งเพื่อนฝูงด้วย ปรากฏว่าทุกคนที่ได้ชิมต่างบอกว่ารสชาติดีกว่าที่เคยรับประทานมาและน่าจะทำออกขาย จึงนำเรื่องปรึกษากับเจ้าของพิพิธภัณฑ์และได้รับอนุญาตให้ทดลองทำออกขายเพื่อให้พนักงานใช้เวลาให้เกิดประโยชน์และเป็นการหารายได้อีกทางหนึ่ง เพราะทุกวันนี้แม้จะเปิดให้บริการได้แล้วแต่แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการเลย จากปกติก่อนโควิด-19 ที่เคยมีวันละหลายร้อยคน เหลือเพียงวันละ 2-10 คน หรือบางวันไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว


ทั้งนี้ การทำออกขายในเบื้องต้นมีลูกค้าเป็นกลุ่มคนรู้จักทั้งคนไทยและคนเกาหลีที่อยู่ในเชียงใหม่ ทำออกขายในปริมาณไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะการสั่งจองล่วงหน้า บรรจุกล่องขายในราคากิโลกรัมละ 200 บาท แต่เมื่อทำไประยะหนึ่งแล้วปรากฏว่ามีผลตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากลูกค้าที่ได้ชิมแล้วทั้งการรับประทานเป็นเครื่องเคียงหรือนำไปปรุงเป็นอาหารเมนูต่างๆ ล้วนชื่นชอบและมีการบอกปากต่อปากกันเป็นวงกว้างจนเริ่มเป็นที่รู้จักและสั่งซื้อมากขึ้น พร้อมกับมีสโลแกนให้ด้วยว่า “ถูกปากคนไทย ถูกใจคนเกาหลี” ทำให้ทุกวันนี้ต้องเพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้นจนทำแทบไม่ทัน เนื่องจากเป็นการทำแบบโฮมเมดที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน ซึ่งผู้ที่สนใจอยากลิ้มลองสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊ก “Art in Paradise-Chiang Mai” หรือ โทร. 09-8660-0051








กำลังโหลดความคิดเห็น