น่าน - ชาวบ้านวิจารณ์กันทั่ว พร้อมจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการด่วน..พบศาลากลางเก่าใจกลางเมืองน่านกลายเป็นแหล่งมั่วสุม-มั่วเซ็กซ์ ถุงยางใช้แล้วทิ้งเกลื่อนพื้น โดยเฉพาะห้องทำงานอดีตผู้ว่าฯ เพียบ
ขณะนี้ชาวจังหวัดน่านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนา-ปรับปรุงศาลากลางหลังเก่าที่ตั้งอยู่กลางเมืองน่าน ซึ่งถูกปล่อยทิ้งร้างมานานกว่าสิบปีจนทรุดโทรมและกลายเป็นแหล่งมั่วสุม พบถุงยางอนามัยใช้แล้วทิ้งเกลื่อนบนพื้นถนน พงหญ้า และบนห้องต่างๆ ในตัวอาคาร
โดยเฉพาะชั้นบนซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นห้องทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พบขวดสุรา ก้นบุหรี่ ไม้ขีดไฟ เกลื่อนห้อง และมีการนำเบาะรองนั่ง ผ้ามาปูเป็นที่นอน รวมทั้งพบซองใส่ถุงยางอนามัยจำนวนมาก
จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวทราบว่า แต่ก่อนยังมีคนมากวาดทำความสะอาดบ้าง แต่ระยะหลังไม่มีเลย ถูกปล่อยทิ้งจนหญ้า ต้นไม้ กิ่งไม้ปกคลุมตัวอาคาร และในช่วงเย็นๆ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะมีคนขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้ามานั่งสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เป็นกลุ่มๆ บางรายก็แอบเข้าไปในตัวอาคาร
“หากเกิดอะไรขึ้นมาคงไม่มีใครเห็น เนื่องจากค่อนข้างรก ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ยิ่งตอนเวลากลางคืนน่ากลัวมากเพราะไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง จึงอยากให้มีการเข้ามาปรับปรุงพัฒนาให้ดี หรือมีเจ้าหน้าที่มาอยู่ หรือแวะเวียนเข้ามาตรวจบ้าง เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น”
สำหรับศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่าน ย่านถนนสุริยพงษ์ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน บริวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยวัดเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน คุ้มเจ้า และสถานที่ราชการหลายแห่ง
กระทั่งส่วนราชการได้ย้ายไปที่ศูนย์ราชการจังหวัดน่านเมื่อปี 2556 ทำให้ไม่ได้ใช้อาคารดังกล่าวเป็นศาลากลางอีก แต่มีการใช้พื้นที่ภายนอกอาคารในการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรของชุมชนต่างๆ และมีการจัดงานนิทรรศการศิลปะ วัฒนธรรม บ้างเป็นครั้งคราว
ทั้งนี้ คณะทำงานจัดทำแผนแม่บท คณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ได้เห็นชอบรูปแบบรายการปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าและพื้นที่โดยรอบเพื่อเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก และได้รับการจัดสรรงบประมาณผ่านองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. 250 ล้านบาท ตามแผนจะเริ่มดำเนินการปรับปรุงตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เป็นต้นไป และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้ใช้ประโยชน์ได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568