xs
xsm
sm
md
lg

สลด!หญิงสูงวัยติดเตาถ่านต้มสมุนไพรสูดดมโดยใช้ผ้าคลุมร่างหวังป้องกันโควิด-19 สุดท้ายดับคาหม้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา- สลด! หญิงวัย  61 ปีใน จ.ชลบุรี ติดเตาถ่านต้มสมุนไพรก่อนใช้ผ้าห่มคลุมร่างหวังสูดดมกลิ่น ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สุดท้ายเสียชีวิตสภาพหน้าฟุบคาหม้อ สามีเชื่อขาดอากาศหายใจเผยเพิ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ไม่คิดต้องใช้เงินทำศพภรรยา 

วันนี้ (4 ต.ค.) พ.ต.ท.ศรัณยพงศ์ อังคะนาวิน สารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านบึง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง ว่ามีผู้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุภายในบ้านเลขที่ 159/4 ม. 2 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี จึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ

พบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านปะยางรถยนต์ ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นางหนูใหญ่ ฟักสนิท อายุ 61 ปี สภาพนั่งกับพื้นภายในห้องครัวหลังบ้านใบหน้าฟุบอยู่กับหม้อต้มสมุนไพร ส่วนบริเวณหน้าอกติดอยู่กับเตาถ่าน ขาทั้ง 2 ข้างขนาบกับเตาถ่านที่มอดดับแล้ว และยังพบรอยไหม้ที่ผิวหนังเหนือหน้าอก และหัวไหล่ทั้ง 2ข้าง

จากการสอบถาม นายบุญเยือน ฟักสนิท อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นสามีทราบว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตได้นำเตาถ่านจุดไฟต้มสมุนไพรก่อนนั่งขนาบหม้อต้มและใช้ผ้าห่มคลุมร่างไว้ในลักษณะคล้ายการอบสมุนไพร โดยเชื่อว่าวิธีดังกล่าวสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้


โดยในครั้งแรกตนเองได้เตือนว่าวิธีดังกล่าวทำให้อากาศไม่เกิดการถ่ายเท แต่เพราะผู้เสียชีวิตมีรูปร่างแข็งแรงและมีความอดทนสูงจึงเชื่อว่าน่าจะตั้งใจอบสมุนไพรเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 จึงเดินออกไปทำธุระข้างนอก

กระทั่งกลับเข้าบ้านได้รับแจ้งจากลูกสะใภ้ว่า ได้ส่งเสียงเรียก แม่สามีที่ใช้ผ้าห่มคลุมร่างไว้แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อเปิดผ้าห่มออกดูก็พบว่าภรรยาเสียชีวิตในสภาพหน้าทิ่มอยู่ในหม้อต้มสมุนไพร

จึงขอฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนทั่วไปที่ใช้วิธีการอบสมุนไพรในลักษณะดังกล่าวเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยขอให้ศึกษาวิธีทำให้ดีไม่เช่นนั้นอาจเกิดเรื่องเศร้าเช่นเดียวกับครอบครัวของตนเองได้

นายบุญเยือน ยังบอกอีกว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมาตนเองเพิ่งจะมีโชคถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 4 จำนวน 2 ใบ และกำลังจะนำเงินโอนเข้าบัญชีของผู้เสียชีวิตแต่สุดท้ายกลับต้องนำเงินดังกล่าวมาทำศพให้กับภรรยาแทน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพชันสูตรที่โรงพยาบาลบ้านบึง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง








กำลังโหลดความคิดเห็น